วิชาโหราศาสตร์จีนขั้นสูง

อาถรรพ์ตัวเลขตามดวงจีน 7 13 21 เปลี่ยนฟ้า แปลงดิน กลืนสิ้นจินต์คน

อาถรรพ์เลข

อาถรรพ์ตัวเลขตามดวงจีน 7 13 21 เปลี่ยนฟ้า แปลงดิน กลืนสิ้นจินต์คน

อย่างที่ชอบพูดไปบ่อยๆ ถึงความลับในการดูดวงจีนแบบคร่าวๆที่คนสมัยนี้ไม่ค่อยเน้นหนักลงลึกเท่าไหร่นัก เลยทำให้พลอยคิดว่า วิชาโป็ยหยี่สี่เถียวไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่ ก็ไปหาสิ่งทดแทน เช่น โหงวเฮ้งบ้าง ฮวงจุ้ยบ้าง หรือวิชาดาวชีเจิ้งบ้าง มาเป็นตัวแทนในการทำนายดวงจีน กระนั้นแล้ว หนีพ้นวิชาโป็ยหยี่สี่เถียวหรือไม่เล่า ก็ยังคงหนีไม่พ้นอยู่ดี เพราะทั้ง อู่สิง ห้าธาตุ เทียนกาน กิ่งฟ้า ตี้จื้อ ก้านดิน พวกนี้ทั้งหมดเหล่าล้วนมีที่มาต้นตอจากวิชาโป๊ยหยี่สี่เถียว เพราะนี่คือมูลฐานเดียวที่ดูเหมือนจะง่ายๆ ตัวหนังสือ 8 ตัว กับ บรรทัดสี่บรรทัดแล้วเอามาใช้อ่านทำนายชีวิตคนได้ แต่จริงๆแฝงความลึกล้ำแยบยลเอาไว้ จื้อหรานเหวยเจี่ยน คำพูดจีนสั้นๆที่บอกว่า ธรรมชาติที่แท้จริงนั้นมันแสนจะง่าย คล้ายๆแบบที่ คุณ โจน จันได นักสร้างบ้านดินและการอยู่แบบวิถีธรรมชาติชอบพูดเอาไว้เหมือนกันครับว่า ชีวิตจริงๆมันต้องง่ายๆ ถ้ามันยาก แปลว่ามาผิดทาง โป๊ยหยี่นี่ก็มีความง่ายแต่ลึกล้ำแฝงเอาไว้ ราวๆทุกๆวันที่ 20-21 ของแต่ละเดือนจะเป็นวันเปลี่ยนสารท หรือเปลี่ยนเจี๋ยชี่ เปลี่ยนปราณฤดูกาลและเกิดกระทบการเปลี่ยนแปลงลมปราณคนเช่นเดียวกัน เราอยากรู้ว่าชีวิตเราในอีักเดือนข้างหน้าเป็นแบบไหน ถ้าเรามีสติรู้เท่าทัน ราวๆวันที่ๆผมบอกนั้น ลองจับสังเกตดูว่า ท่านจะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และร่างกายภายใน เช่น เดือนที่แล้วมักง่วงเหงาหาวนอน ในช่วงเวลาดังกล่าวที่บอกเพื่อจะก้าวเข้าเดือนใหม่ จะรู้สึกอยากทำงานกระปี้กระเปร่า ในทางกลับกัน ถ้าเดือนสองเดือนก่อนแอคทีฟมาเยอะ พอมาในช่วงวันดังกล่าวของเดือนนี้ก็จะรู้สึกว่า อยากพัก อยากหยุด หรืออาจจะมีความแตกต่างต่างๆ ช่วงเวลาดังกล่าวนี้เป็นช่วงของการเปลี่ยน ชี่ หรือเปลี่ยนปราณ เป็นธรรมดาที่เหตุการณ์ที่จะเกิดเปลี่ยนแปลงชีวิต เช่น อุบัติเหตุ เจ็บป่วย และโดยส่วนมากคือการเสียชีวิต จะมีช่วงนี้เป็นช่วงคาบเกี่ยว หมายความว่า ถ้าข้ามพ้นห้วงวันที่ดังกล่าวนี้ได้ อาจรอดชีวิตยาว หรืออาจสิ้นลมในห้วงเวลาดังว่านั้นก็เป็นได้ จนมีหนังสือจีนเล่มหนึ่งได้เขียนโดยทำสถิติว่าวันไหนมีคนตาย คนป่วยมากที่สุด ก็ไปลงความเห็นว่า ราวๆ วันที่ 13 กับ 21 นี้ คิอตัวเลขที่ ราวๆว่าจะหาร เจ็ดได้ อธิบายตามหลักการดวงจีน ก็คือช่วงเปลี่ยน เจี๋ยชี่

เจี๋ย คือ ฤดูกาล หรือกาลเวลา หรือเทศกาล หรือถ้าจะแปลแบบตามฉบับผมให้ฟังเข้าใจง่ายคือการเปลี่ยนกาลของธรรมชาติรอบตัวคน นอกจากคน คือ เราจะเห็นสภาพอากาศ การเปลี่ยนแปลงของต้นไม้ใบหญ้าได้ชัด จาก ฝน เป็นแล้ง จากกำลังโต เป็นชูช่อ มันจะ พรึ้บ ขึ้นมาได้ สังเกตตัวหนังสือจีนคำว่า เจี๋ยที่วางแบบเอาไว้่ จะขึ้นต้นด้วย จู๋จื้อโถว แสดงกำกับว่าเป็นความหมายเกี่ยวกับ พืช สัตว์ โดยแท้ เจี๋ย มักจะเปลี่ยนราวๆ 6-7 ของทุกๆเดือน ลองหาในปฏิทินจีนมาอ่านดู

ชี่ คือ ปราณ แบบที่อธิบายไปข้างต้น จะเกี่ยวข้องกับ ฝูงชน ผู้คน เสียเป็นส่วนใหญ่ มักจะเปลี่ยนราวๆ 20-21 ของทุกๆเดือน

ส่วน เลข 13-14 ก็คือ กึ่งกลางของเจี๋ยชี่ มักเป็นวันเกิดของคนที่จะเป็นใหญ่เป็นโต หรือมีความสามารถมากๆ มักจะเป็นวันเริ่มต้นทำงาน ทำโครงการใหญ่ๆใหม่ๆ หรือเป็นการผัดเปลี่ยนเรื่องสำคัญที่เกิดจากการกระทำของคน

เหล่านี้เป็นเศษเสี้ยววิชาคร่าวๆที่ไม่ค่อยมีใครรุ้ใครสังเกตเห็น แต่ก็มีเหตุผลบันทึกทางตำราวิชา เพราะช่วงวันดังกล่าว จะเกิดการเลื่อนตำแหน่งของพระอาทิตย์ที่โลกไปกระทำหมุนรอบอยู่ มีทั้งหมด ราวๆ 24 ตำแหน่ง ซึ่งตำนานจีนเล่าว่า จักรพรรดิ ซุ่น (ก่อนสมัยจิ๋นซีนานนม) ผู้วางรากฐานปฏิทินจีนเอาไว้ ได้สังเกตเอาห้วงเวลาวันพวกนี้หละเพื่อกำหนดทำปฏิทินออกมา จับสังเกตวงรอบวัฏจักรที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงทีละนิดๆ จนกลับหวนคืนสู่สามัญเป็นบรรทัดฐานเดิม เอามาเป็นแม่บทในการกำหนด ทีนี้เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงพวกนี้ได้ด้วย วิชา กรรมฐาน หรือ กายคตาสติ เท่านั้นครับ คือ การมาเฝ้าดูกายในกาย จิตในจิตของตนเอง ก็จะเริ่มเห็นว่า กายใจ ไม่ใช่ของเรา และมีความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ตลอดเวลา ผมมาบอกเรื่องนี้เพราะในวันและเวลาดังกล่าวเป็นสิ่งที่เหมือนๆกันทั่วโลกทุกคนต้องเจอ มากน้อยหนักเบาแล้วแต่ดวง แต่เป็นห้วงเวลาที่ค่อนข้างจะเที่ยงตรงไม่ต้องมานั่งดูดวง ขอให้ท่านได้ฉวยเอาห้วงเวลาดังกล่าว ในการตั้งหน้าตั้งตาเปลี่ยนตัวเอง เช่น คนที่หน้าบางไม่เคยขายของ อยากทำการค้าขาย ก็ให้ริเริ่มในวันเวลาดั่งนั้น อยากเปลี่ยนตัวเองจากคนนอนดึกตื่นสาย เป็นคนนอนไวตื่นเช้า ก็เปลี่ยนตัวเอง แต่กาลเวลาแค่ช่วยทำให้ทำได้สะดวกดายง่ายขึ้นบ้างกี่มากน้อยเท่านั้น ไม่มีแรงมากเท่า แรงใจ ที่มุ่งมั่นจะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรอกครับ

ถ้าลองไปหาอ่านความรู้เรื่องนาฬิกาชีวิตมาหน่อย และมีเรื่อง เจี๋ยชี่ที่ผมบอก แล้วลองออกกำลังกายตอนเช้า หรือไปวิปัสสนาที่วัดก็ตามแต่นะครับ จะสังเกตเห็นว่า แต่ละช่วงๆของนาฬิกาชีวิตมันจะเกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งภายใน ภายนอกกายได้จริงๆ เช่น สามทุ่มที่เค้าให้เข้านอน หรือตีสามที่ต้องตื่นมาทำวัตรสวดมนต์ หรือว่า เจ็ดโมงเช้าที่ต้องทานอาหารให้จบ แม้แต่ราวๆ สิบเอ็ดโมงที่ต้องมากินข้าวก่อนเพื่อถือศีลแปดจะได้ครบ ไม่ทานหลังเที่ยง อะไรพวกนี้ จะเห็นเลยว่า โอ้ พุทธศาสนาที่โบราณาจารย์วางหลักเอาไว้ กับ นาฬิกาชีวิต เวลาร่างกาย เวลาใจ มันช่างมีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเหลือเกิน ถ้าถามว่าอะไรเป็นกุญแจความสำเร็จต่อวิชาดวงจีน ฮวงจุ้ย และโหงวเฮ้งทั้งหมดของผม ตอบได้คำเดียวว่า กรรมฐาน ยิ่งทำเรายิ่งมีศรัทธาว่า พระบรมศาสดาของเราทรงเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานจริงๆ สิ่งที่เป็นตำราความรู้ที่ชาวบ้านเขายกย่องว่าเป็นเอกอุ เมื่อมาเทียบกับพระไตรปิฎกแล้ว กลายเป็นเล็กกระจ้อยร่อยด้อยค่าไปเลยทีเดียว อี้จิงแค่ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลง แต่พุทธศาสน์ สอนล่วงไปจนถึงอนัตตา และวิธีเฝ้ามอง หรือจัดการต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น โป๊ยหยี่สอนเรื่องการเปลี่ยนเจี๋ยชี่ แต่พุทธศาสน์สอนเรื่องการครองชีวิตและการจัดการชีวิตในแต่ละห้วงเวลาที่ย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงไป

ถ้าอยากเริ่มต้นเป็น คนดี มีคุณภาพ ต้องเริ่มที่ไหน จริงๆ มีการตอบเอาไว้แล้วในพระพุทธธรรมว่า

ให้เริ่มด้วยการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี คบคนดี วางตนให้ถูกต้อง เพราะ การรับรู้ ทำให้เกิดความจำ ให้เลือกจำแต่สิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม เพราะความจำ ทำให้เกิดความคิด (สัญญา เป็นปัจจัยหนึ่งในสังขาร) จงเลือกคิดตามพระปัญญาของพระพุทธเจ้า เพราะความคิดทำให้เกิดพฤติกรรม จงเพียรฝึกพฤติกรรม (กาย วาจา) เพราะ พฤติกรรมที่ซ้ำซาก ทำให้เกิด นิสัย จงออดทนฝึกนิสัยที่ดี เพราะ นิสัยที่ดี ต่อเนื่อง ทำให้เกิด สันดานที่ดี และสันดานทั้งดี ทั้งเลว คือ ดวงชะตา ที่ทำให้ต้องพบเหตุการณ์อย่างไร ที่ไหน กับใคร นานเท่าไหร่ สุข หรือ ทุกข์

จริงๆแล้ว ชีวิต ต้องการอะไร