เทพธรรมบาล โพธิสัตว์ 24 พระองค์
เทพธรรมบาล โพธิสัตว์ 24 พระองค์
1.พระแม่ลักษมี (大吉祥天)ตามคติฮินดูว่าท่านทรงกำเนิดเมื่อครั้งกวนน้ำอมฤตที่เกษียณสมุทรทรงเป็นเทวีแห่งความงาม โชคลาภและศิริมงคลและทรงเป็นพระชายาแห่งพระวิษณุนารายณ์ มีชื่อทางธิเบตว่า ลหโม หรือมหากาลีมีกายดุจมหายักษิณีดุร้ายมีงูพิษอยู่ตามร่าง ประทับบนอาชาไนย
2. พระแม่สุรัสวดี (大辦才天)
ฮินดูว่าท่านทรงเป็นชายาแห่งพระพรหมผู้สร้าง พระสุรัสวดี ทรงเป็นเทวีแห่งศิลปวิทยาการความรู้และอักษรศาสตร์โดยกย่องว่าเป็นเทพแห่งการศึกษา ทางพุทธศาสนาฝ่ายธิเบตจะผนวกท่านเป็นสมาชิกในกลุ่มของพระมัญชุศรีโพธิสัตว์
3. ท้าวมหาพรหม(大梵天)
คติพราหมณ์ว่า ทรงเป็นมหาเทพผู้สร้างโลกและเป็นผู้ที่อาราธนาพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งที่ทรงตรัสรู้ใหม่ๆให้ทรงเมตตาสรรพสัตว์ โดยการหมุนเคลื่อนพระธรรมจักรซึ่งในครั้งนั้นพระพุทธองค์ทรงพิจารณาพระธรรมที่ทรงได้ตรัสรู้ว่ามีความวิเศษลึกซึ้งมากเกินกว่ามนุษย์จะเชื่อและสั่งสอนได้จึงมีพระพุทธดำริจะมิทรงสั่งสอน แต่ท้าวมหาพรหมสหัมบดีกราบทูลว่าบรรดาสรรพสัตว์ประดุจบัว 4 เหล่ายังคงจะมีบ้างที่ได้สดับพระธรรมเทศนาแล้วเกิดรู้แจ้งหลุดพ้นจากอาสวกิเลสได้ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงทรงเทศนาพระธรรมให้พวกเราได้ศึกษาและปฏิบัติดังเช่นทุกวันนี้
4. ท้าวศักรเทวราช, พระอินทร์ (帝釋天王)
เป็นเทพเจ้าที่มีบทบาทในพระพุทธศาสนามากแต่ไม่สู้มีบทบาททางฮินดูเท่าไรนักพระองค์สถิตเป็นจอมเทพแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ท้าวศักรเทวราชนี้ทรงช่วยเหลือพระพุทธองค์ให้สำเร็จพระโพธิญาณเช่นการทดสอบพระทัยหลายครั้งและทรงนำผลสมอทิพย์มาน้อมถวายพระพุทธองค์เมื่อตอนตรัสรู้ใหม่ๆยังให้พระพุทธองค์ทรงมีพละกำลังยิ่งขึ้น
5. ท้าวธตรฐเทวราช(持國天王)
ทรงเป็นเทวราช ๑ ใน ๔แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาคุ้มครองโลกทางทิศตะวันออกเป็นเจ้าแห่งคนธรรพ์ ทางจีนจะทรงถือพิณโบราณ
6.ท้าววิรุฬหกเทวราช (增長天王)
ทรงเป็นเทวราช ๑ ใน ๔แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาคุ้มครองโลกทางทิศใต้ เป็นเจ้าแห่งกุมภัณฑ์ทางจีนทรงถือร่มฉัตร บางแห่งทรงถือกระบี่ก็มี
7.ท้าววิรุฬปักษ์เทวราช (廣目天王)
ทรงเป็นเทวราช ๑ ใน ๔แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา คุ้มครองโลกทางทิศตะวันตก เป็นเจ้าแห่งพญานาคทางจีนทรงจับพญานาค และดวงแก้วมณี
8. ท้าวไวศรวณ หรือกุเวรมหาราช (多聞天王)
ทรงเป็นเทวราช ๑ ใน ๔ แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาคุ้มครองโลกทางทิศเหนือ เป็นเจ้าแห่งยักษ์ทางฮินดูจะนับถือท่านเป็นพิเศษเพราะมีคติว่าท่านเป็นเทพเจ้าแห่งขุมทรัพย์ด้วย มาทางธิเบตท่านจะถือร่มและพังพอน แต่ทางจีนจะทรงถือรัตนเจดีย์แสดงถึงการรักษาพระศาสนา
9. เทพคุยหบดี(密跡金剛天)
แปลว่าเทพเจ้าผู้เป็นเจ้าแห่งความลึกลับ ในพระพุทธสูตรกล่าวว่าท่านเป็นผู้ล่วงรู้ความลับของพระพุทธเจ้าทั้งปวงหรือท่านก็คือสภาวนิรมาณกายหนึ่งของพระพุทธเจ้าที่ทรงล่วงรู้ความลับต่างๆของตนเองได้ โดยที่บรรดาโพธิสัตว์และมหาเทพทั้งปวงมิทรงรู้
10.ขุนพลปัญจิกายักษ์(散脂天)
ทรงเป็นมหาขุนพลยักษ์ของท้าวกุเวรเป็นน้องชายของยักษ์ปัญฉาละเทพผู้รักษาเมืองคันธาระและปัญจิกายักษ์นี้ยังเป็นภัสดาแห่งนางยักษ์หาริติด้วย
11. สกันธเทพ หรือพระเวทะ (韋馱天)
มีอีกพระนามว่าพระขันธกุมาร เป็นเทพแห่งการสงครามเป็นพระโอรสแห่งพระอิศวรและพระอุมาเทวีดังนั้นเทวรูปของพระองค์จะทรงเครื่องเป็นจอมทัพทางพระพุทธศาสนาว่าท่านทรงบำเพ็ญบารมีและประกาศหมายมุ่งพระโพธิญาณมาแต่พระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆแสนนานมาแล้ว
12. พระปฤถิวีเทพ(堅牢地天)
หรือพระธรณีจะมีสร้างทั้งในรูปของบุรุษและสตรี(วสุธรา)แล้วแต่พื้นที่พระธรณีนี้เป็นเทพผู้ทรงมหิธานุภาพมากดังเช่นเมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ใกล้จะตรัสรู้พญามาราธิราชได้มากล่าวตู่ถึงรัตนโพธิบัลลังก์ที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ว่าเป็นของตนครั้นพระมหาบุรุษโพธิสัตว์ในครั้งนั้นกล่าวว่าเป็นของที่พระองค์เองที่ทรงสั่งสมบำเพ็ญมานับอสงไขยโกฏิกัลป์ประมาณมิได้ พญามารก็ให้หาผู้มายืนยันในครั้งนั้นก็มิมีเทพเจ้าใดกล้ามายืนยันได้ด้วยล้วนตกอยู่ในอำนาจของพญามารครอบงำอยู่ทั้งสิ้นครั้งแล้วพระมหาบุรุษจึงทรงตรัสเรียกพระธรณีมาเป็นพยานถึงการตรัสรู้นี้พระธรณีจึงบีบน้ำทักษิโนทกที่พระมหาบุรุษโพธิสัตว์เคยหลั่งเป็นทานเมื่ออเนกชาติออกมาจากมวยผมเกิดเป็นทะเลหลวงพัดพาพญามารและสมุนมารไกลออกไปสุดขอบจักรวาลยังให้พระมหาบุรุษโพธิสัตว์ได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในรุ่งอรุณของวันนั้นเอง
13. เทพธิดาโพธิทรุม(菩提樹天)
คือเทพธิดาที่ประทับอยู่ใต้ร่มพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ด้วยอานิสงค์ที่พระนางทรงให้ร่มเงาและเป็นที่พำนักในการตรัสรู้เพื่อประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ของจักรวาลด้วยการที่พระนางทรงได้รับพระพุทธรังสีฉายฉานของพระพุทธองค์เมื่อคราได้ตรัสรู้และเมื่อคราที่พจญพญามารพระนางก็อยู่เคียงข้างพระพุทธองค์มิได้หลีกลี้ไปไหนจึงให้การยกย่องพระนางว่าทรงเป็นส่วนในการตรัสรู้ของพระพุทธองค์
14.นางหาริติยักษิณี (阿利帝母天 , 歡喜母天 , 鬼子母天)
บ้างก็เรียกนางอภิรดีทรงมีบุตรถึง ๕๐๐ ตน บ้างก็ว่า ๑,๐๐๐ ตน ทำให้รูปเคารพของพระองค์มีเด็ก ๕คนอยู่ข้างๆ อันเปรียบเสมือนบุตรทั้ง ๕๐๐ซึ่งพระนางรักลูกสุดท้องมากที่สุดพระนางชอบจับเด็กในนครราชคฤห์กินเป็นอาหารจนประชากรในเมืองร่อยหรอ(หาริติแปลว่า ผู้ขโมยเด็ก) เมื่อบ้านใดมีเสียงเด็กร้องพระนางจะมาจับไปทันทีจนชาวบ้านต้องไปกราบทูลขอพระพุทธบารมีเป็นที่พึ่งพระพุทธองค์จึงทรงทรมานพระนางด้วยการจับลูกคนสุดท้องของพระนางมาซ่อนไว้ในบาตร เมื่อพระนางหาริติหาลูกคนโปรดไม่พบจึงสอดส่องทิพยญาณด้วยอิทธิฤทธิ์ตามหาไปทั้ง ๓ โลกเมื่อพลิกแผ่นดินแผ่นฟ้าหาจนทั่วแล้วไม่พบจึงร้องไห้น่าเวทนายิ่งนักจึงนึกได้ว่าพระพุทธองค์ทรงเป็นพระสัพพัญญูรู้แจ้งโลกทั้งปวงจึงมาปรากฏกายเพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธองค์พระพุทธองค์จึงทรงตรัสถามว่าพระนางโศกเศร้าเวทนาด้วยเหตุอันใดนางหาริติจึงกราบทูลว่า บุตรสุดท้องของหม่อมฉันหายไปหาทั่วทั้ง ๓ภพจักรวาลแล้วก็ไม่มี พระพุทธองค์ตรัสว่า พระนางมีบุตรถึง ๕๐๐ครั้นหายไปไม่พบหน้าเพียงหนึ่งก็โศกเศร้าเพียงนี้แต่บรรดามนุษย์มีบุตร ๑คนบ้าง ๒ คนบ้างก็ถูกพระนางจับไปเป็นอาหารเสียหมดแล้วมนุษย์เหล่านั้นจะรู้สึกเช่นใดครั้นแล้วพระนางหาริตีจึงได้สติสำนึกในความผิดที่ผ่านมาขอขมาต่อพระพุทธองค์และสมาทานศีลงดเว้นปาณาติบาตทั้งยังจะปกปักษ์รักษาพระพุทธศาสนาและสาธุชนหญิงชายต่อเบื้องพระพุทธพักตร์พระพุทธองค์จึงทรงสรรเสริญและมีพุทธฎีกาว่าในอนาคตกาลเบื้องหน้าให้บรรดาพุทธบริษัทถวายเครื่องเซ่นพลีบูชาแก่พระนางพร้อมด้วยบุตรและบริวารด้วยต่อมาในยุคนี้บรรดาภิกษุจึงต้องมอบภัตรเป็นพลีแก่พระนางก่อนฉันทุกครั้งเพื่อตอบแทนพระคุณของพระนางโดยเฉพาะอินเดียเหนือจะมีแท่นบูชาพระนางและบุตรทั้ง ๕๐๐ จำนวนหลายแห่ง
15. เทพธิดาอารตินามหรือ อาภิรดีนาม (訶利帝喃天)
ประวัติว่าท่านได้บริจาคทานและบำเพ็ญธรรมมาตั้งแต่สมัยพระรัตนปุษยพุทธเจ้าต่อมาจึงได้สำเร็จเป็นเทพในที่สุด บางแห่งกล่าวว่าพระนางก็คือพระอภิรดีหรือหาริตินั่นเอง
16. ท้าวมเหศวร(摩醯首羅天)
คือพระศิวะหรือพระอิศวรทางฮินดูในฐานะมหาเทพผู้ทำลายทางพระพุทธศาสนาสร้างประปฏิมาเป็นรูปพญายักษ์มี ๖ พระกรถือเทพาวุธครบมือ
17. เทพธิดามาริจี(摩利支天, 金光明天母)
มาริจีแปลว่า “พยับแดด” หรือคือเจ้าแม่แห่งแสงสว่างหรือเจ้าแม่แห่งแสงทองยามเช้า ฮินดูเรียกว่า “พระอุษาเทวี”จีนและธิเบตจะนับถือท่านเป็นพิเศษโดยจะมีบทสรรเสริญบูชาท่านในยามดวงอาทิตย์ขึ้น มาทางเต๋าและจีนจะว่าท่านคือพระดาริกานภาธิราช (斗姥元君, 斗母)โดยทรงดำรงฐานะเป็นพระแม่แห่งดวงดาวทั้งปวงในจักรวาลและเป็นพระมารดาแห่งดาวนพเคราะห์ในพิธีถือศีลทานเจเดือน ๙ ด้วย
18. พระสุริยเทพ(日宮天子)
คือพระอาทิตย์ผู้ให้แสงสว่างแก่โลกยามกลางวันเป็นผู้ให้ความอบอุ่นแก่โลก ปกติจะสร้างเป็นรูปเพศบุรุษ(คนละองค์กับพระสุริยประภาโพธิสัตว์)
19. พระจันทราเทพ(月宮天子)
คือพระจันทร์ผู้ให้แสงสว่างในตอนกลางคืนทางอินเดียจะว่าพระจันทร์เป็นเทพบุตรแต่ทางจีนได้ผนวกรวมเข้ากับเทพธิดาบนดวงจันทร์จึงนิยมสร้างเป็นเพศสตรี(คนละองค์กับพระจันทรประภาโพธิสัตว์)
20. พระดารกาเทพ(星宮天子)
คือเทพแห่งดวงดาวในทางโหราศาสตร์ทั้ง ๒๘ กลุ่ม (ทางไทยมี ๒๗ กลุ่ม)ด้วยความเชื่อที่ว่าดวงดาวมีอิทธิพลต่อชีวิตของมนุษย์จึงทำให้มีการบูชาพระองค์เพื่อชีวิตที่ผาสุกสมบูรณ์
21. ตรัยตรึงส์เทพ(三十三天)
คือเทพเจ้าจำนวน ๓๓องค์ที่เป็นสหายของพระอินทร์ตั้งแต่ครั้งที่ร่วมกันสร้างมหากุศลบนโลกมนุษย์จนได้กำเนิดเป็นเทพบนสวรรค์ชั้นนี้ในพิธีบูชาจะวาดเป็นรูปเทพเจ้าองค์เดียวนั้นหมายถึงเป็นองค์แทนของเทพเจ้าทั้ง ๓๓ องค์
23. พญายมราช (閻羅天)
คือพระผู้เป็นใหญ่ในนรกภูมิคอยตัดสินชี้ขาดความดีชั่วของมนุษย์ด้วยความซื่อสัตย์ ยุติธรรม เที่ยงตรง จนมีคำสดุดีพระองค์ว่า “ธรรมราชา (法王)”อาจแปลว่าคือผู้เที่ยงธรรมก็ได้
23. ท้าวสาครนาคราช(娑揭羅龍王天)
คือเทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ในห้วงน้ำ ที่จริงแล้วพญานาคราชมีถึง ๘ตระกูล แต่ในที่นี้หมายถึงองค์แทนทั้ง ๘ ตระกูลและท่านสาครนาคราชนี้เองที่เป็นพระบิดาของธิดาพญามังกร (龍女)อัครสาวกของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
24. กินนรราช หรืออัคนีเทพ (緊那羅王天)
คือเทพเจ้าแห่งไฟกินนรราชในอินเดียทำเป็นรูปครึ่งคนครึ่งนกแต่ในจีนทำเป็นรูปมนุษย์ถือฆ้อนและสิ่งที่ตีให้เกิดประกายไฟตามความเชื่อพื้นเมืองของจีนโดยมีชื่อว่าเทพเจ้าเตาครัว (司命帝君)