ฮวงจุ้ยร้านค้า ฮวงจุ้ยสำนักงาน ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน ภาคสี่

สวัสดีครับ มาถึงในเดือนนี้ เดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปีแล้วสินะ เป็นสัญญาณบอกว่าปีมะโรงน้ำหยาง(เหริ่นเฉิน – พ.ศ.2555)ก็ถึงคราวที่ต้องโบกมือบ้ายบายปฏิทิน ปีหน้าฟ้าใหม่ ตามหลักวิชาดูดวงจีนก็เป็นปีมะเส็งน้ำหยิน(กุ่ยซื่อ)

ฟังชื่อสองปีนี้แล้วทำให้หวนนึกถึงคำทำนายของหมอดูจีนหลายสำนัก ที่ชอบนักชอบหนากับการหยิบยกเอาชื่อเรียกขานของปี มากำหนดเป็นการทำนายดวงชะตาแผ่นดิน จริงๆมันก็ไม่แปลกหรอกเพราะตามวิชา ปาจื้อซื่อจู้ หรือโป๊ยหนี่สี่เถียวซึ่งเป็นวิชามูลฐานของสรรพวิชาโหราศาสตร์จีน เรียกได้ว่า รู้วิชานี้ ย่อมแตกฉานในวิชาอื่นได้โดยง่าย นั้น ได้นำเอา ปี เดือน วัน เวลาเกิด มาเป็นตัวตั้งดวงในการทำนาย เช่น ปีมะโรงน้ำ เดือนกุนทอง วันวอกน้ำ เวลากระต่ายน้ำ คำถามที่ควรสงสัยก็คือว่า ไหนบอกว่า เป็นปีมะโรงน้ำหยาง ทำไมน้ำไม่ท่วม กลับไปท่วมปีกระต่ายทองหยิน(ซินเหม่า – พ.ศ.2554) แทน ดูดู๊ดู กระต่ายตามดวงจีนเป็นธาตุไม้เจอกันทอง น้ำกลับท่วม ส่วนมะโรงซึ่งถือเป็นธาตุดิน ที่บางสำนักเข้าใจผิดว่าเป็นคลังเก็บน้ำ ผนวกน้ำหยาง คือน้ำขนาดใหญ่ กว้าง ปริมาณเยอะ กลับไม่เกิดน้ำท่วม สิ่งที่มันพลาดสำหรับงานนี้ ซึ่งจริงๆไม่น่าจะพลาดก็คือว่า ท่านต้องเอาดวงเมืองมาตั้งแล้วเอาปีจรที่เข้ามาแต่ละปีเข้าเทียบ แบบที่โหรไทยทำ ไม่ใช่จู่ๆไปคว้าเอาชื่อของปีมาแตกเป็นคำทำนายตามจินตนาการออกมา เขียนเรื่องนี้ไม่ได้มีเจตนาแขวะใครนะ เพียงแต่ว่าการดำเนินชีวิตและปรับแก้ดวงชะตาท่านต้องทำแบบมีสติ มีหลักการ มีเหตุผล และที่สำคัญคือ ต้องรู้ว่าอะไรเป็นหลักอะไรเป็นเสริม การไปคว้าตัวเสริมมาทึกทักว่าเป็นตัวหลัก ก็พอๆกับเอาปีจรมาทำนายเหตุบ้านการเมืองโดยไม่เทียบตามดวงเมือง หรือก็พอๆกับ การปรับแก้ฮวงจุ้ยแบบกราดยิง คือหลักการเดียวใช้ได้ทุกคน ทุกที่ ไม่คำนึงถึงธาตุประจำตัวของเจ้าของดวง แบบนี้รับรองให้ผลพอควร แต่จะให้ตรงเป้าคงยาก

ไหนๆก็พูดเรื่องน้ำแล้ว วันนี้จึงขอมาแนะนำเล่าสู่กันฟังเป็นข้อคิดสนุกๆ เกี่ยวกับการจัดโต๊ะทำงานตามสไตล์ของคนธาตุน้ำที่ถูกหลักถูกดวงตามวิชาจีนเสียหน่อย ต่อเนื่องเลยนะ ต่อจากธาตุไม้ ธาตุไฟ ที่เคยเขียนไปในฉบับก่อน และการวิเคราะห์คนตามนิสัยมาเทียบธาตุ แทนการใช้แบบวันเดือนปีเกิด เพราะตำราจีนวิชาผมเน้นการปรับทัศนคติและนิสัยพฤติกรรม มากกว่าเน้นลัทธิกรรมเก่ากำหนด เพราะฉะนั้น ปรับความคิดได้ ย่อมเปลี่ยนพฤติกรรมและย่อมเปลี่ยนกรรมได้ เฮ่อ…จริงๆแล้วมันน่าเหนื่อยใจที่จะเขียนให้คนธาตุน้ำนะ เพราะลักษณะพฤติกรรมคนธาตุน้ำนอกเหนือจากที่เกริ่นไปในฉบับแรกแล้ว มันมีต่อก็คือว่า คนธาตุน้ำสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้เก่งและเป็นจำพวกคิดลึกซึ้งยากแท้หยั่งถึง ลองสังเกตพวกหมอดู หมอไสยศาสตร์ ทรงเจ้า รวมถึงพระเถระ นักปราชญ์ต่างๆ เท่าที่เจอโดยส่วนใหญ่ในดวงล้วนเป็นคนธาตุน้ำเยอะทั้งสิ้น ฉะนั้นถ้าตามหลักการของฮวงจุ้ยแบบทั่วไปที่แพร่หลาย ถ้าคุณเป็นธาตุน้ำ ก็ต้องเอาทองมาใส่ให้ เพราะทองให้กำเนิดหรือหนุนเสริมน้ำ และทำให้ธาตุดินซึ่งเป็นศัตรูจอมดูดน้ำทำร้ายน้ำท้องเสีย โดนถ่ายพลังมาหาทองและทองก็ถ่ายพลังให้น้ำ จึงเรียกได้ว่า เสริมทองสมานมิตรพิชิตศัตรูให้น้ำ แต่เนื่องจากน้ำเมื่อเจองานกองโตหรือภาระเยอะมันเน่าง่าย คำว่าเน่าก็คือเกิดความอิ่มตัว ความเบื่องาน ขี้เกียจ แต่ก็ทำงานได้เนืองๆ เรื่อยๆ และงานที่มอบให้คนธาตุน้ำจะได้รับการเอาใจใส่ให้สำเร็จลุล่วงได้ดี เพียงแต่ขอให้เติมไฟให้ชีวิตหน่อยการงานจะได้มีสีสัน คือมีจุดเด่นน่าสนใจ และมีพลังในการสร้างสรรค์มากขึ้น โชคดีของพวกคุณแล้วนะ เพราะสมัยนี้วัสดุที่มีทั้งทองและไฟอยู่ด้วยกัน และแน่นอนว่าส่วนใหญ่โต๊ะทำงานแทบทุกโต๊ะต้องมีก็คือ คอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นหากคนธาตุน้ำฉลาดก็ขอให้เก็บงาน จัดการงาน แบบเน้นใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก ทิศที่เป็นมงคลหน่อยก็คือทิศตะวันตก จะทำให้เราได้รับประโยชน์จากงาน หรือพูดให้เห็นภาพก็คือหว่านพืชย่อมได้ผล ไม่ถูกฉกชิงแย่งไปแบบที่ชอบบ่นๆกันนักว่า เฮ่อ ทำดีไม่ได้ดี ถูกคนที่เข้าหาเจ้านายเก่งได้หน้าไปทุกที ทิศทางนี้จะช่วยแก้ปัญหานั้นออกไป และก็ช่วยลดแรงกดดันจากงานที่จะเข้ามาได้อีก เพียงแต่ว่าเพื่อนๆก็คงหาว่าคุณบ้าแน่ๆหละ ถ้าจู่ๆหันโต๊ะไปทางทิศตะวันตก ยิ่งถ้าชาวบ้านเขาหันไปทางทิศตะวันออกจนหมดคุณเชื่อผมแล้วปรับทิศโต๊ะนะขอร้องเลยว่า ผมยังไม่อยากดัง แบบบ้าๆแบบนั้น เขาจะได้ลือกันว่าหมอดูชื่อซินแสลั๋วหน้าโง่ บอกคนให้ย้ายโต๊ะแบบแกะดำ ทีนี้จากชีวิตง่ายๆโดนเพ่งเล็งแน่ และผมก็จะได้รับลูกหลงไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย ก็ขอให้ใช้เคล็ดลับว่า ให้มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เยอะหน่อยบนหน้าโต๊ะ เช่น มีวิทยุ มีคอมพิวเตอร์ มีโทรศัพท์มือถือ คือขอสนับสนุนให้คุณเอาเทคโนโลยีเข้าช่วยจัดการงานเยอะๆ สำหรับใครที่อายุมากแล้วใช้ของพวกนี้ไม่เป็นก็แค่เอามาตั้งไว้ กดนั่นกดนี่เล่นๆไปก่อนก็ได้ ใช้เยอะๆเดี๋ยวมันก็เป็นเอง อีกอย่างถ้าทำได้ก็คือใช้โต๊ะที่ทำด้วยโลหะไปเลย ก็โต๊ะเหล็กทั่วๆไปนี่หละ แต่เนื่องจากสมัยนิยมเดี๋ยวนี้เขาก็ชอบใช้แต่ไม้กับพลาสติกทำโต๊ะพนักงาน ก็ขอให้คุณใช้โต๊ะสีขาว ถ้าโต๊ะมันสีอื่นทำไง ก็ให้หาผ้าหากระดาษมาปูทับเสียสิ แล้วทับลงไปด้วยกระจกอีกทีหนึ่ง นี่ไงเห็นหรือยังที่ผมว่ามันลำบากใจ เพราะคนธาตุน้ำเป็นคนช่างคิดลึกซึ้ง เราไปแนะนำอะไรผิวเผินไม่ได้ เขาเป็นจำพวกความคิดสร้างสรรค์เยอะ และต่อยอดได้ไว ใครไม่แนะนำให้รัดกุมแบบดักทุกทางเอาไว้เป็นอันแพ้พ่ายคนธาตุน้ำหมด แต่เสียใจ ผมเป็นหมอดู ผมดักคุณได้หน่า เอาๆไหนๆก็ไหนๆ ชมไปแล้วว่าความคิดสร้างสรรค์ดี เพราะฉะนั้น นอกเหนือจากที่แนะนำไป ขอให้ยึดหลักการว่า เสริมฮวงจุ้ยให้คนธาตุน้ำ เน้นที่ ทองและไฟ คือ เกี่ยวกับเทคโนโลยี ของนอก ของไฮโซ ของหรู ของแพง มีแบรนด์ มีสีสัน ระยิบระยับ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า ใช้ความคิดสร้างสรรค์คุณประยุกต์เอา ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะคิดถูก ยินดีให้โทรหรืออีเมลล์มาถามได้ ขอให้โชคดีในวันปีใหม่ หมดเดือนธันวานี้แล้ว พบกันฉบับหน้า ปีหน้า

ธันวาคม 5, 2016
Posted in วิชาฮวงจุ้ย แบบลึกซึ้ง
ป้ายกำกับ:ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยจีน.ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน.ฮวงจุ้ยห้องทำงาน

กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ 人生難得 "ว่าด้วยความเป็นมนุษย์ยาก" --------------------------------------- ฉิคคฬสูตรที่ ๑-๒ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษโยนแอก ซึ่งมีช่องเดียวลงไปในมหาสมุทร เต่าตาบอดมีอยู่ในมหาสมุทรนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เต่าตาบอดนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ จะสอดคอให้เข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวโน้นได้บ้างหรือหนอ? ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าล่วงกาลนานไปบางครั้งบางคราว เต่าจะสอดคอให้เข้าไปในแอกนั้นได้บ้าง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เต่าตาบอด ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ สอดคอให้เข้าไปในแอก ซึ่งมีช่องเดียวโน้น ยังจะเร็วกว่า เราย่อมกล่าวความเป็นมนุษย์ เพราะคนพาลผู้ไปสู่วินิบาตแล้วคราวเดียวก็หามิได้ ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะว่าในวินิบาตนี้ ไม่มีการประพฤติธรรม การประพฤติชอบ การกระทำกุศล การกระทำบุญ มีแต่การเคี้ยวกินกันและกัน การเคี้ยวกินผู้มีกำลังน้อยกว่า ย่อมเป็นไปในวินิบาตนี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔ อริยสัจ ๔ เป็นไฉน คือ ทุกขอริยสัจ ฯลฯ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลาย พึงกระทำความเพียร เพื่อรู้ตามความเป็นจริง ว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาปฐพีนี้มีน้ำเป็นอันเดียวกัน บุรุษโยนแอกซึ่งมีช่องเดียวลงไปในมหาปฐพีนั้น ลมทิศบูรพาพัดเอาแอกนั้นไปทางทิศประจิม ลมทิศประจิมพัดเอาไปทางทิศบูรพา ลมทิศอุดรพัดเอาไปทางทิศทักษิณ ลมทิศทักษิณพัดเอาไปทางทิศอุดร เต่าตาบอดมีอยู่ในมหาปฐพีนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เต่าตาบอดนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ จะสอดคอให้เข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวโน้นได้บ้างหรือหนอ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ข้อที่เต่าตาบอด ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ จะสอดคอเข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวโน้นเป็นของยาก ฉันนั้นภิกษุทั้งหลาย "การได้ความเป็นมนุษย์เป็นของยาก" "พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติในโลกเป็นของยาก" "ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้วจะรุ่งเรืองในโลก ก็เป็นของยาก" ความเป็นมนุษย์นี้เขาได้แล้ว พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติแล้วในโลก และธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วก็รุ่งเรืองอยู่ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (.นี้ทุกข์ นี้เหตุเกิดทุกข์ นี้ความดับลงแห่งทุกข์ นี้ทางดำเนินชีวิตเฉพาะให้ถึงความดับลงแห่งทุกข์ หรือที่รู้จักกันว่า อริยสัจสี่) พระไตรปิฎก มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๘/๑๗๔๔. ฉิคคฬสูตรที่ ๑ [๑๗๔๓] เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว ปุริโส มหาสมุทฺเท เอกจฺฉิคฺคฬํ ยุคํ ปกฺขิเปยฺย ตตฺราปิสฺส กาโณ กจฺฉโป โส วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน สกึ สกึ อุมฺมุชฺเชยฺยฯ ตํ กึ มญฺญถ ภิกฺขเว อปิ นุ โส กาโณ กจฺฉโป วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน สกึ สกึ อุมฺมุชฺชนฺโต อมุสฺมึ เอกจฺฉิคฺคเฬ ยุเค คีวํ ปเวเสยฺยาติฯ ยทิ นูน ภนฺเต กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยนาติฯ ขิปฺปตรํ โข โส ภิกฺขเว กาโณกจฺฉโป วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน สกึ สกึ อุมฺมุชฺชนฺโต อมุสฺมึ เอกจฺฉิคฺคเฬ ยุเค คีวํ ปเวเสยฺยฯ น เตฺววาหํ ภิกฺขเว สกึ วินิปาตคเตน พาเลน มนุสฺสตฺตํ วทามิฯ ตํ กิสฺส เหตุฯ น เหตฺถ ภิกฺขเว อตฺถิ ธมฺมจริยา สมจริยา กุสลกิริยา ปุญฺญกิริยา อญฺญมญฺญขาทิกาฯ เอตฺถ ภิกฺขเว วตฺตติ ทุพฺพลขาทิกาฯ ตํ กิสฺส เหตุฯ อทิฏฺฐตฺตา ภิกฺขเว จตุนฺนํ อริยสจฺจานํฯ กตเมสํ จตุนฺนํฯ ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺสฯ เปฯ ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทาย อริยสจฺจสฺสฯ ตสฺมา ติห ภิกฺขเว อิทํ ทุกฺขนฺติ โยโค กรณีโยฯ เปฯ อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ โยโค กรณีโยติฯ ฉิคคฬสูตรที่ ๒ [๑๗๔๔] เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว อยํ มหาปฐวี เอโกทิกา อสฺส ตตฺร ปุริโส เอกจฺฉิคฺคฬํ ยุคํ ปกฺขิเปยฺย ตเมนํ ปุรตฺถิโม วาโต ปจฺฉิเมน สํหเรยฺย ปจฺฉิโม วาโต ปุรตฺถิเมน สํหเรยฺย อุตฺตโร วาโต ทกฺขิเณน สํหเรยฺย ทกฺขิโณ วาโต อุตฺตเรน สํหเรยฺย ตตฺรสฺส กาโณ กจฺฉโป โส วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน สกึ สกึ อุมฺมุชฺเชยฺยฯ ตํ กึ มญฺญถ ภิกฺขเว อปิ นุ โข กาโณ กจฺฉโป วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยนสกึ สกึ อุมฺมุชฺชนฺโต อมุสฺมึ เอกจฺฉิคฺคเฬ ยุเค คีวํ ปเวเสยฺยาติฯ อธิจฺจมิทํ ภนฺเต ยํ โส กาโณ กจฺฉโป วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน สกึ สกึ อุมฺมุชฺชนฺโต อมุสฺมึ เอกจฺฉิคฺคเฬ ยุเค คีวํ ปเวเสยฺยาติฯ เอวํ อธิจฺจมิทํ ภิกฺขเว ยํ มนุสฺสตฺตํ ลภติฯ เอวํ อธิจฺจมิทํ ภิกฺขเว ยํ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธฯ เอวํ อธิจฺจมิทํ ภิกฺขเว ยํ ตถาคตปฺปเวทิโต ธมฺมวินโย โลเก ทิปฺปติฯ ตสฺสิทํ ภิกฺขเว มนุสฺสตฺตํ ลทฺธํ ตถาคโต จ โลเก อุปฺปนฺโน อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ตถาคตปฺปเวทิโต จ ธมฺมวินโย โลเก ทิปฺปติฯ ตสฺมา ติห ภิกฺขเว อิทํ ทุกฺขนฺติ โยโค กรณีโยฯ เปฯ อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ โยโค กรณีโยติฯ --------------------------------------- ภาพวาดโดย คุณ พิสิษฐ์ สงเคราะห์ --------------------------------------- 人生難得佛經：《涅槃經》“生世為人難，值佛世亦難，猶如大海中盲龜，值浮孔。 “清凈法寶，難得見聞。我今已聞，猶如盲龜，值浮木孔。” 《圓覺經》“浮木盲龜難值遇。” 《稱揚諸佛功德經》“壹切世界設滿中水，水上有板，而板有孔。有壹盲龜，於百歲中，乃壹舉頭。欲值於孔，斯亦甚難。求索人身，甚難甚難。” 《雜阿含經》在幽暗的大海深處，住了壹只烏龜，這只烏龜雖然壽命比宇宙還要漫長，但是它的雙眼卻瞎了，看不見壹絲的光明，在漆黑的深海裏，它生活在永無止境的黑暗之中，每經過壹百年，才有機會浮出廣袤的海面。大海中飄蕩著壹根長長圓圓的浮木，浮木的中間挖有如其勁項壹般大小的孔洞。亙古洪荒以來，浮木就隨著驚濤駭浪忽東忽西，載浮載沈。瞎了眼睛的盲龜要憑藉它的感覺，在茫茫的大海中，追逐浮木不定的方向。當每壹百年才浮出壹次水面的盲龜尖尖的頭恰巧頂住浮木小小的洞穴時，便能重見光明，獲得人身。潮來潮去，壹百年壹百年的歲月更替流逝，盲龜依舊沈浮於生死的洪流大海，找不到那抉定它命運的浮木。又壹個壹百年，當盲龜再度浮出水面，頭才接觸到清涼的空氣，突然壹頭撞進浮木的小小洞孔，轟然壹響，眼前霎時霞光萬丈，盲龜終於脫離久遠以來笨重的軀殼，蛻變成為壹個俊秀的童子，睜開眼睛覷著滾滾的紅塵。