สี่ ห้า หนทาง แก้ทุกข์ แก้เครียด เมื่อทุกข์มา ฉบับคนยังไม่พร้อมจะธรรมะ
หมอดูก็มีความทุกข์ได้ครับ เพราะหมอดูยังเป็นคนเหมือนพวกท่านทั้งหลาย ปกติผมมักจะแนะนำทางออกที่อาจจะไปในแนวทางธรรมะมากหน่อย แต่วันนี้จะมาบอกเคล็บลับสำคัญเวลาผมมีความทุกข์แบบวิธีชาวบ้านๆ ง่ายมากเลยครับ ออกไปดูหนังครับ ถ้าทุกข์ยังไม่มากเท่าไหร่ ลองไปเดินเล่นแถวโรงหนังและลองหาหนังสักเรื่องที่ท่านคิดว่าใช่ คิดว่าใช่อาจจะไม่ใช่หนังที่ดูสนุก หรือบริษัทที่สร้างมีชื่อเสียง แต่ใจท่านเมื่อเห็นหนังนี้แล้วบอกว่า อืม น่าจะใช่นะ เข้าไปดูและท่านอาจจะได้รับ ข้อคิดคลายทุกข์ จากตัวละคร หรือคำพูดในนั้น หรือเรื่องราว ที่นอกจากจะเป็นคำตอบให้สะเดาะทุกข์หลุดออกไปได้บ้าง ยังจะได้ข้อมูลในอนาคตว่าควรวางแผนอย่างไร แต่ท่านอาจจะต้องแน่ใจว่าเป็นคนชอบดูหนังแบบผมเสียก่อนด้วย
ผมไม่ได้ชอบดูหนังแบบต้องดูทุกเรื่องให้ได้ หรือดูเอาสนุก แต่ผมดูหนังทุกๆแนวเว้นแนวผีๆ ที่พอเราทำกรรมฐานมากแล้วเรารู้สึก เฉยๆ ความจริงที่เราเจอกับที่หนังสร้างจากจินตภาพผู้แต่งมันคนละเรื่อง ดูก็อาจจะตกใจ อาจจะกลัวครับ เพราะฉากและเสียงหนังผี หรือซอมบี้ เขาทำให้กลัวอยู่แล้วหละ แต่สักพักสติก็จะบอกเราเสมอว่า มันไม่จริงแบบนี้ หรือหนังบางเรื่องแนววิทยาศาสตร์มากแต่ขัดแย้งหลักธรรมชาติ แต่ก่อนดูไปสนุก หลังๆนี้ไม่สนุกและไม่ดู เพราะเล่าเรื่องทีเป็นไปไม่ได้ วัยเด็กเราดูแล้ว จินตนาการเรากว้างมาก วัยนี้มาดูพวกนี้แล้วได้แต่รู้สึกว่า เหมือนแค่บันเทิงซึ่งก็เลยไม่ดูหลังๆมา แต่ที่มักจะช่วยหาคำตอบจากทุกข์ที่ผมกำลังพูดนี้ เป็นหนังจีน หนังตลก และหนังการ์ตูน เสียส่วนใหญ่ครับ น่าประหลาดใจมากว่าทำไมไม่ใช่หนังแนวชีวิต หรือแนวประวัติศาสตร์ด้วยนะ เรื่องนี้ผมกำลังบอกว่า ปากขมมากน้ำลายเหนียวอาจจะไม่ต้องหายามาทาน แค่อมอะไรหวานๆสักหน่อยก็อาจจะหายได้ เรื่องยากมากบางทีแก้ด้วยสิ่งง่ายๆ ท่านลองเปลี่ยนหน้าปกสมุดที่ตัวเองใช้บ่อยๆเป็นภาพการ์ตูน เปลี่ยนปากกาที่ทะมึนเคร่งขรึมหรือเลือกแบบไหนก็ใช้ได้หละน่า เป็นปากกาที่น่ารักๆ มีสีสันดูสิครับ อันนี้เป็นวิชาแขนงหนึ่งของจีน เป็นการเอาวัยเด็กกลับคืนมา หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายจะว่า วิชาเฒ่าทารกก็ได้ มีในตำราจริงๆ ผมไม่ได้ยกเมฆเอาเอง คือ การกินขนมแบบเด็ก ไปเที่ยวเล่นแบบเด็ก ไปดูหนังแบบเด็ก และใช้ของแบบเด็กๆเสียบ้าง เรื่องหนักจะเบาลง เรื่องร้ายจะคลายดีขึ้นได้ ชีวิตของท่านจะเบิกบานได้อีกตั้งเยอะ โลกที่แคบจะดูกว้างได้พอควรเลย เหมือนสมัยก่อนที่ใครเคยวิ่งเล่นแล้วกลับไปที่นั้นตอนโตจะพบว่า ที่แค่เนี่ยะนะเหรอ ที่เราวิ่งได้ค่อนวันสมัยก่อน แสดงว่าโลกของเด็กนั้นกว้างมากครับ
ดูหนังสำหรับผมคลายได้มากกว่าไปสปาหรือไปหาอะไรอร่อยๆ หรือไปเที่ยวไกลๆเสียอีก เพราะก่อนไปเที่ยวกับหลังไปเที่ยวต้องกลับมาเคลียร์ภาระมากมาย ทั้งเสื้อผ้า ทั้งเรื่องงาน แต่การไปเที่ยวก็ช่วยได้เยอะนะครับ นี่คือ ประเด็นที่สอง การคลายทุกข์ที่ได้ผลมากคือ การออกนอกบ้าน แต่ต้องให้แน่ใจก่อนว่าไม่ใช่การหนีออกจากบ้าน จำไว้ดีๆ ถ้าเกิดความอยากหนีออกจากบ้านสิ่งที่ควรทำถ้าไม่ไปวัดก็คือ หาห้องสักห้องส่วนตัวในบ้านแล้วอยู่ไปแบบอดทนและตั้งสติ ส่วนถ้ามีเรื่องเครียดหรือทุกข์ใจ แล้วอาจจะรู้สึกยิ่งอยากอยู่บ้านไม่อยากไปไหน หรือมีงานที่ต้องทำที่บ้านทำให้ออกไปไม่ได้ อันนี้ผมแนะนำว่า ควรเลือกข้อสองนี้อย่างยิ่ง ลางานบ้าง ส่งงานช้าบ้าง แล้วออกนอกบ้านสักหน่อยครับ หรือหิ้วงานนั้นหละไปทำนอกบ้าน สมัยนี้ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เยอะมาก เลือกเอาสักร้านแล้วลองไปทำดู ลูกค้าที่หายากจะหาง่ายขึ้น อะไรที่ตกลงกันยากจะง่ายลง อะไรที่กำลังรอจะเข้ามาไวขึ้น และที่ผมใช้ได้ผลกับหลายคนมาเรื่อยๆคือ ลูกค้าสั่งของมา หรือมีการเงินเข้ามาแบบดีๆ ซึ่งบางทีไม่จำเป็นต้องไปไกลนะครับ ขอให้สบายๆไม่ใช่ไปตากแดดร้อน หรือไปไกลมากเสียจนเหนื่อยกับการเดินทาง กับบางคนแค่หน้าบ้าน หรือปากซอยก็ได้แล้ว อันนี้จึงไม่ใช่การไปเที่ยวไกลๆ
แต่ถ้าเมื่อไหร่กำลังผจญกับเรื่องใหญ่มากๆในชีวิต หรือปีใหม่ ตรุษจีน รู้เลยว่าปีนี้ต้องเจออะไรที่ยาก หรือเปลี่ยนชีวิตหน้ามือเป็นหลังมือ ไปเลยครับ อย่าไปแค่ในประเทศ ได้ผลไม่เท่าไหร่ ต่อให้ระยะทางจะเหนือจรดไปใต้หรือไปหลายจังหวัด ก็ไม่ได้ผลดีเท่า ข้ามไปเกาะสักเกาะ หรือไปต่างประเทศ ตรงนี้ผมฟังมาจากอาจารย์ตนเองและหลายๆสำนัก เห็นตรงกันว่า คนเราเมื่อไหร่ได้ข้ามน่านน้ำ หรือน่านฟ้า มักจะเห็นชีวิตชัดขึ้นแบบไม่จำเป็นต้องไปนั่งปลงตกอยู่คนเดียว คู่รักที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลกันจะเห็นใจ ไม่ใช่แค่เห็นอกเห็นใจนะ เห็นสิ่งที่ลึกๆในใจ หรือเข้าใจกันได้มากขึ้น รักกันมากขึ้นจะว่าแบบนั้นก็ได้ หรืออาจจะตัดสินใจว่า ถึงคราวได้อำลากันเสียทีแบบนี้ก็ได้ คือการเดินทางไกลๆจะทำให้เรื่องในใจที่อยู่ลึกๆผุดขึ้นมาได้ ไม่ใช่แค่เราคิดได้เองหรือรู้เอง บางทีมาทางข้อความ หรือโทรศัพท์ หรือเราไปอ่านเรื่องเดิมๆนี่หละแต่คิดได้เพิ่มแบบนั้นก็เป็นได้ แต่ข้อนี้ผมไม่แนะนำสำหรับคนที่ไม่มีทุนมาก เพราะถ้าทำแบบนี้ท่านอาจจะกลับมาทุกข์หน้ามืดกับการหาเงิน เห็นไหมครับว่า การออมเงินนั้นสำคัญ ไม่ใช่แค่ประกันอนาคต ถ้ามีเงินออม ท่านอาจจะออกจากทุกข์หรือปัญหาได้ง่ายๆ
วิธีต่อมาคือ อาหารดีๆที่แปลกตา และรสชาติถูกปากต่อให้บรรยาากาศไม่ดีมากช่วยได้เยอะ คนสมัยนี้ชอบเลือกอะไรตามความสวยของสถานที่ เสร็จแล้วแค่ไปถ่ายภาพนิดหน่อย ตรงนี้ เวลามีทุกข์ไปทำแบบนี้หายยากครับ เรื่องนี้อาจจะการแพทย์สักหน่อยแต่เป็นเรื่องจริง คนเราทุกข์หรือหงุดหงิดสิ่งที่ต้องรับบทหนักในร่างเราคือ ม้าม กับ ตับ ถุงน้ำดี ระบบพวกนี้ในทางแพทย์แผนจีนเราบำรุงให้ฟื้นได้ง่ายเบื้องต้นด้วยการ หาอะไรที่ หอมๆ อร่อยๆ ถูกปาก ทานลงไปซะ พร้อมๆกับควรจะมีหน้าตาที่สวยงามด้วย การทำอาหารของคนจีนโบราณเลยมีกฎแบบเก่าว่า อาหารที่ดี นอกจาก กลิ่น รส ความสดแล้ว จัดจานหน้าตาต้องสวยงามด้วย คนจีนเลยเคร่งครัดฝึกฝนการใช้มีดมากๆ เชื่อว่าทำให้หน้าตาอาหารดูดี ยังทำให้ได้ส่วนที่ดีที่สุดของวัตถุดิบ ที่ไปสัมพันธ์เวลาเข้าไปในปากด้วย แต่นั้นหละ ท่านอาจจะไม่ชอบอาหารจีนแบบผม ท่านไปเลือกเอาที่ตนเองชอบ และถ้าหากกำลังทานข้าวอิ่มๆมา ก็ใช้วิธีนี้ได้ครับ ร้านขนมช่วยได้เยอะ ร้านที่สั่งแล้วนั่งทานได้นะ ไม่ใช่ต้องหิ้วกลับมาทานบ้าน วิธีพวกนี้อาจจะใช้ไม่ได้ทุกคน เพราะท่านอาจจะบอกว่า ตนเองไม่ชอบทานขนม แต่ขอให้ลองสักครั้ง ผมกล่อมคนไปทานขนมหรือไอศกรีม ติดใจมาหลายคนแล้ว คือเดิมไม่ทานเลย แต่พอได้ทาน ทีนี้ เรียกร้องจะไปเองด้วยซ้ำ ของที่เราเคยกินวัยเด็ก ช่วยเราได้เยอะนะครับเวลาเราทุกข์
สุดท้ายเป็นวิชาแนวญี่ปุ่นหรือจีนหน่อย คือการไปหาผู้อาวุโสและผองเพื่อนครับ มีอยู่สองที่ ที่แรกไปง่ายหน่อยแต่บางจังหวัดอาจจะไม่มี คือ สวนสัตว์ครับ ไปอยู่ใกล้ๆ หรือไปดูสัตว์ที่ตัวใหญ่ๆกว่าท่าน หรือไปหาสัตว์ที่อายุยืนๆ ไปนั่งมอง ให้อาหาร หรือยืนดู เกาะรั้วดูสักพัก แล้วค่อยๆตระเวนไปดูสัตว์อื่น ช่วยได้มาก อีกอันนึงที่ผมเคยลองให้แม้แต่คนที่อยู่ต่างประเทศทำก็ได้ผล คือ ไปในป่าครับ สถานที่ๆมีชีวิตที่อายุยืนนานมากที่สุดในโลกอาศัยอยู่ก็คือป่า และท่านควรไปหา ต้นไม้ต้นใหญ่ๆ อาจจะใหญ่ที่สุดในบริเวณนั้น และอาจจะไม่ใช่ป่าลึก อาจจะเป็นสวนสาธารณะกลางกรุงก็ได้ที่มีต้นไม้ใหญ่ๆ ลองเอามือสองข้ามไปกอดเหมือนเรากำลังกอดผู้ใหญ่ตัวโตๆสักรอบ แล้วนั่งแถวนั้นสักพัก จะทานอะไรหน่อย อ่านอะไรนิด หรือนั่งสมาธิลงได้ก็จะยิ่งดี ช่วยให้สดชื่นได้เยอะ มีกำลังใจ และคิดอะไรออกเยอะนะครับ หรือบางทีโทรศัพท์อาจจะดังตอนนั้นพร้อมกับคำตอบที่น่าชื่นใจ
อ้อ ผมพูดข้ามไป อันนึงที่ผมมักแนะนำคนระดับสูง หรือคนที่ต้องเป็นเจ้านาย เป็นผู้บริหารให้ไปทำ เพราะพวกเขามักจะมีข้อแม้กับผมว่า ที่ผมไล่เรียงมาทั้งหมด เขาไม่อยากไป หนังก็ไม่ชอบดู บางคนไม่เคยเข้าโรงหนังมานาน บางคนกลัวเชื้อโรค อาหารก็ไม่ชอบทานเบื่อแล้ว ขนมก็กินกลัวจะป่วยน้ำตาลขึ้น ไปเที่ยวไกลๆก็ไม่อยากไปแข้งขาไม่ดี อื่ม น่าคิดนะ ทำไมคนเราอายุเยอะหรือพอมีตำแหน่งสูงมาก แทนที่จะรู้ทฤษฎีอินหยางทำชีวิตให้ง่ายขึ้น กลับยิ่งกลัวป่วย เครียด และกลัวตาย หรือบางทีกลัวหลุดจากเก้าอี้ จนทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้เพราะข้อแม้ต่างๆ ข้อแม้ที่ไม่น่าให้อภัยที่สุดคือ การเอาเวลาไปรักงาน รักที่ทำงาน รักลูกน้อง จนไม่เอาเวลามาออกกำลังกายหรือหาหมอสักหน่อย ปล่อยให้ตัวเองอ้วนมาก หรือผอมมาก หรือป่วยง่ายๆแบบนี้ได้อย่างไร
ผมก็จะขอให้เขาทำสองเรื่อง 1.ถ้าหากที่ทำงานนั้นมีบริเวณพื้นราบๆ ที่ไม่ใช่พื้นที่ในอาคาร แต่เป็นที่นอกอาคารกว้างพอและร่มรื่นดี ช่วยเดินรอบที่ทำงานตัวเองนั้นหละ สองสามรอบก่อนขึ้นไปทำงานนะครับ ทุกๆวัน นอกจากจิตใจช่วยได้ ร่างกายก็จะดีได้ด้วย เดินไปไม่ต้องสนใจที่ขามาก สนใจที่จมูก หายใจเข้าลึกๆ เข้าไว้ หายใจออกปล่อยตามสบาย อันนี้ดีกว่าใครที่ชอบอ้างว่าสวดมนต์ก่อนทำงานหรือนั่งสมาธิอีก เพราะอะไรรู้ไหม เพราะถ้าปอดไม่ดี ร่างกายไม่แข็งแรงพอ นั่งให้เป็นสมาธิหรือสวดมนต์ให้แน่วแน่สงบดียากมากนะ ไม่เชื่อไปถามคนเป็นโรคซึมเศร้า ภูมิแพ้อากาศ หรือคนป่วยเรื้อรังดูครับ 2.ขอให้อย่างน้อยที่สุดสัปดาห์หนึ่งหาวันไปสวนสัตว์สวนสาธารณะ หรือริมน้ำ ไปให้อาหารสัตว์ นกก็ได้ ปลาก็ได้ จะซื้อเอาก็ได้ หรือจะหาอาหารสัตว์แบบดีๆไปเองเลยก็ดีมาก แล้วไปเจริญเมตตาจิตตรงนั้นด้วย มองสัตว์พวกนั้นไป
ฟังดูเรื่องราวทั้งหมดที่เล่ามาเหมือนไม่ใช่ธรรมะ แต่จริงๆต้องได้รับอุปการะจากธรรมะส่วนใหญ่เลยนะครับ คือ ถ้าพื้นฐานไม่เคยฟังธรรมมา ไม่เคยให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนามาบ้าง ไปทำที่ผมบอกแต่ละข้อๆนั้น ให้ผลไม่ค่อยชัดเจนครับ เช่น เรื่องดูหนัง ออกจากโรงมาแล้วอาจจะได้แค่ข้อคิดสั้นๆ แต่ถ้าเคยฟังธรรมมาก่อนอาจจะระลึกได้ถึงสิ่งที่ตนเองลืมไปนานแล้ว หรือข้อธรรมที่เคยทำได้คิดได้พรั่งพรูออกมา ถ้าร่างกายไม่ไหวหรือใจไม่อยากไปเอามากๆ ให้หาละครเก่าๆสักเรื่องมาดู ได้ผลพอๆกันครับ แต่ถ้าออกได้ ออกนอกบ้านได้ผลมากกว่าเยอะ หรืออย่างน้อย นอกห้องตัวเองก็ยังพอได้ผลดีทีเดียว ขอให้ห้องนั้นมีหน้าต่างหรือธรรมชาติดีสักหน่อย เห็นไหมว่า ถ้าไม่เคยทำบุญมาดีก่อน จะไม่มีทางได้ที่อยู่ดี หรือหาที่ดีๆอยู่ได้เลย บางคนน่าสงสารนะ ดวงชะตาเหมือนคึกคักเรียกแขก ขายดี การตลาดดี ไปไหนคนก็แห่รุม แต่ความร้ายคือเวลาอยากอยู่สงบๆ ชีวิตไม่ให้สงบ ไปที่ไหนถ้าไม่เจอคนรู้จักจนต้องถอนหายใจว่า เห้อ อยากอยู่คนเดียวนะตอนนี้ แต่ก็จำใจทักด้วยมารยาทและอาจคุยกันยาว ก็จะเจอร้านรวงที่นั่งแล้วจากเงียบๆ จู่ๆก็มีคนมากมายเข้ามาและเสียงดัง เห็นมั้ยว่าทุกอย่างมีปัจจัยที่บุญกุศลรองรับไว้หมด ที่ชัดสุดและอยากบอกคนสมัยนี้คือ เลือกช่วยวัด หรือ โรงเรียนที่ไหนสักที่ไว้ครับ เวลาว้าเหว่ หรือเวลารู้สึกว่าอนาคตไม่แน่นอน คนสมัยนี้ชอบซื้อที่ ซื้อบ้าน ขอให้คิดใหม่ บ้านของคนเราไม่ใช่สถานที่ส่วนตัวของเราเอง แต่เป็นที่ๆเรามีความสุขและได้พักอย่างดี ดังนั้น ใครที่มีเงินน้อยอาจจะไม่ต้องไปหาที่ทางหรือสะสมเงินทำแบบนั้น คุณไปมาหาสู่และช่วยเหลือ วัด หรือ โรงเรียน หรือสถานที่กุศลบ่อยๆสักหน่อย อย่างน้อยๆเวลามีเรื่องอะไร ไปวัดครับ ไปนอนที่นั่น หรือไปที่ๆคุณไปบ่อยๆที่ไปช่วยเขานั้นหละ อันนั้นคือบ้านหลังที่สองของคุณได้ ไปดูความเจริญความดีที่ตนเองได้เคยสร้างเคยทำ นี้หละเป็นความสำคัญของการสร้างวัตถุไว้บ้างในพระศาสนาก็ดีมากๆนะ เวลาท้อใจ เหนื่อยใจ ทุกข์ ลองไปที่ๆคุณเคยช่วยสร้างดู ช่วยได้เยอะมากเหมือนกัน
ทั้งหมดเป็นแค่ตัวช่วยนะครับ แต่ช่วยได้เยอะผมยืนยัน สิ่งที่คุณจะต้องมีคือการเตรียมตัวไว้ก่อน หัดเตรียมตัวเผชิญทุกข์เอาไว้ ด้วยการหมั่นเจริญภาวนา และรักษาศีลให้ดีๆ รักษาศีลครบๆได้ความทุกข์จะหายลงไปมากโขทีเดียว อันนี้พูดจริงๆจากที่บอกให้หลายคนไปทำ มันหลุดร่วงออกไปมากทีเดียว ส่วนการเจริญสติมากๆหน่อยทำให้เวลาเกิดอะไรพักสักนิดก็หาย สติมีกำลังก็กลับมาได้ไว และการสร้างความดีทำทานรู้จักให้นี่ อย่าดูหมิ่น เคยสงสัยมั้ยว่า ศีลอานุภาพมาก ภาวนาก็อานุภาพมาก ทำไมพูดคู่กับเรื่องทาน ซึ่งแลดูจะชาวบ้านๆและทำได้ง่ายๆ เพราะเวลาเรามีทุกข์ เพื่อนที่เราเคยช่วย คนที่เราเคยถวายของ ที่ๆเราเคยบำรุงดูแล และจิตใจเราที่มีเมตตาเป็นน้ำเลี้ยง พวกนี้จะกลับมาช่วยเราได้เสมอ ถ้าวันๆอยู่แต่กับตัวเอง ศีลไม่ขาด ภาวนาก็ทำบ้าง แต่ไม่ไปหาใครเลย ที่ๆเคยไปช่วย ไปทำบุญก็ไม่ไป นี่ก็อีกปัญหาหนึ่ง ที่ต้องนำมาพูด ผมพบทั้งคนมาขอคำปรึกษา และคนป่วยหลายคนเป็นแบบนี้ในช่วงโรคระบาดหนักที่ผ่านมาจนพฤติกรรมเปลี่ยน อะไรๆก็จะออนไลน์เอา คิดว่าการทำบุญคือการได้ให้เงินหรือของไปเท่านั้น ท่านลืมให้ใจให้กายไปด้วยหรือเปล่า กลับไปทำแบบที่เคยทำซะ ออกไปซะ ไปทำซะ แบบนี้ก็มีแต่พบน้อยครับ พบกับคนที่มีพื้นฐานธรรมะมาดีมากพอควร แต่อายุเยอะแล้ว หรือป่วยไปไม่ไหว ก็เท่านั้น ถ้าเป็นกรณีหลัง ผมแนะนำคนดูแลหรือญาติพี่น้องช่วยพาไปแบบไม่ต้องถาม ถ้าถามคนกลุ่มนี้มักเกรงใจคนง่าย คำตอบที่ได้คือ รอยยิ้มและบอกว่าไม่ไป
เอาหละหวังว่าท่านจะจดสั้นๆเอาแปะไว้หรือเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์หรือติดที่ไหนสักที่ๆจะอ่านเจอง่ายๆ เพราะเวลาทุกข์มา ท่านอาจจะเหลือบมาอ่านมาเห็น เวลามีความเครียดหรือทุกข์มักเกิดในห้องใด ที่ใดของบ้าน เอาไปแปะตรงนั้น หรือพูดเป็นฮวงจุ้ยหน่อยก็ได้ มุมใดของบ้านที่มักก่อความเครียด ทำให้คิดมาก หรือมีเรื่องกังวลได้ง่าย ตรงนั้นสำหรับบางคนอาจเป็นโต๊ะ หรือเตียง หรือมุมนั่งเล่น ขอให้เอาสิ่งของที่ท่านจะมีกำลังใจ รูปภาพ หรือภาพใครสักคน ข้อความ หรือคำพูดอะไรบางอย่างที่ประทับใจ ไปวางไปแปะตรงนั้น บ้านทุกหลังควรจะมีที่แบบนี้หรือมุมแบบนี้ เหมือนเรามีห้องน้ำในบ้านไว้ดับทุกข์กาย เราควรมีมุมไว้ดับทุกข์ใจนี้ไว้ด้วย ซึ่งอาจจะเป็นห้องพระก็ได้ แต่ห้องพระควรจะพูดกับเราได้ แบบที่บอก ภาพที่เคยไปเที่ยวกับคนที่เรารักแต่ท่านจากไปนานแล้ว หรือคนที่เราเคารพไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ พร้อมถ้อยคำของท่าน หรือ คำพูดของคนที่เราประทับใจ หรือพระพุทธพจน์ที่อ่านแล้วเราสะดุ้ง สะอื้น หรือรู้สึกประทับใจ แล้วแต่ภูมิธรรมแต่ละคนครับ บางคนอ่านพระพุทธพจน์แล้วรู้สึกภาษษาโบราณยังยากไป ให้ไปหาคำสอนครูบาอาจารย์มาแทนก็ได้ คำพูดสองกลุ่มนี้ปลอดภัยและดีงาม เพราะเราแน่ใจได้ระดับนึงว่า ช่วยให้ทุกข์หาย และทำให้ไปในทางที่ดีๆ ส่วนคำพูดที่ดูให้กำลังใจหรือคำพูดจากคนที่รัก ที่ประทับใจ อันนี้ก็ช่วยได้บางครั้งที่ทุกข์ไม่หนักมาก แต่บางทีก็ตอบคำถามอะไรเราไม่ค่อยได้หมด
ลองเลือกเอาตามระดับของตัวเอง อย่าไปข้ามขั้น บางคนชอบกระโดดข้าม รู้และศรัทธาว่าพระธรรมคำสอนดีมาก แต่ตัวเองไม่ซาบซึ้งเท่าไหร่ อันนี้อย่าเพิ่งเอามาติด แต่ต่างกัน เพียรอ่านเพียรฟังเรื่องที่ยังไม่ซาบซึ้งเข้าใจได้ วันนึงอาจจะเข้าใจขึ้นมาถ้าฟังมากๆอ่านมากๆ แต่ไม่ใช่การเอามาติดเตือนใจหรือชะโลมใจแบบที่กำลังแนะนำ เพราะเวลาที่สติอ่อน ทุกข์กำลังรัดแน่น เราต้องหาอะไรที่ ดูดซึมลงใจได้ง่ายๆ เป็นดุจแสงวาบเข้าตาเข้าลงใจเราง่ายๆ
ท้ายนี้ท่านจะพบว่า ไม่ว่าเบื้องต้นหรือเบื้องปลาย คนเราหนีความดีงาม และการละสิ่งไม่ดีไม่พ้นครับ อย่าเนิ่นช้า หรือดื้อดึงที่จะทำเลย นอกจากเรื่องดีเรื่องไม่ดีแล้ว จิตใจเราก็ควรจะได้รับการดูแลซึ่งบางทีถ้าใจล้ามากๆ ทุกข์มากๆ เอากายไปช่วยก่อนได้แบบที่แนะนำไปข้างต้น และขอให้จำไว้เสมอว่าถ้าปัญหาหรือทุกข์เกิดจากความสัมพันธ์ ควรรีบหาทางเบาทุกข์ เพื่อจะรีบคุยกันให้เร็วที่สุด เพราะปัญหาแบบนี้จะจบคงได้ หรือได้คำตอบต่อเมื่อมีการสนทนานกันเท่านั้น ไม่มีทางที่จะไปนั่งคิดเองหรือไปเที่ยวไปกินสุดหล้าฟ้าเขียวเมืองนอกเมืองนาแล้วจะทำให้ปัญหานี้หายไปได้เลย ขอให้หาทางพักผ่อนทุกข์พวกนี้แล้วตั้งใจ จำไว้ในใจให้ได้ทุกเมื่อที่มีปัญหาว่า เราทำเพื่อจะกลับมาคุยกันให้ไวที่สุด คำตอบและทางออกจะอยู่ตรงนั้น ขอให้ทุกท่านคลายทุกข์กายและใจเรื่อยไปนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้าง สวัสดีครับ
ซินแซหลัว
9/6/2565