(ดูดวงจีน ซินแสหลัว) ขนาด สี่สาวงามของจีน ยังมีจุดอ่อน แต่เขารู้จักกลบอ่อนแล้วอวดที่ดี
西施沉魚 ซีซือเฉินยวี๋
昭君落雁 เจาจวินลั่วเยี่ยน
貂嬋閉月 เตียวฉานปี้เยว่
貴妃羞花 กุ้ยเฟยซิวฮวา
เขียนเป็นภาษาโบราณ หรือ จ้วนซู เพราะหลายสาวงามนั้น เกิดในสมัยโบราณในยุคตัวอัก ษรดังกล่าวนี้
วันนี้ตั้งใจเขียนกวีนี้ เพราะมีเหตุที่ว่า สามารถนำกวีนี้มาให้ข้อคิดแ ก่หลายๆคนได้ เรื่องราวของพวกนางทั้งสี่ ท่านสามารถอ่านได้ด้านล่าง
แต่ว่า สี่ยอดหญิงงาม เกี่ยวอะไรกับ ตำรา ดูดวงจีน ข องผมหละ เรื่องนี้ชี้ชัด สองเรื่อง
หนึ่ง คือ แม้คนที่ถูกยกย่องว่าเป็นหญ ิงที่เลอเลิศเรื่องความงามที่ สุดในประวัติศาสตร์ 5000 กว่าปีของจีน ที่มีคนหลายร้อยล้านคน (คิดดูว่าจะสวยแค่ไหน เพราะ เป็น 4 ในไม่รู้กี่ร้อยกี่พันล้านค น) ก็ยังมีข้อเสีย จุดอ่อน หรือปมด้อยประจำตัวเอง
สอง คือ ทั้งสี่ รู้จักวิธีแก้ปมดอ้ยของตนเอ ง รู้จักลูกล่อลูกชน การกลบจุดอ่อนที่ตนเองมี และใช้ความงาม หรือสติปัญญา หรือมารยา แล้วแต่แต่ละคนจะมีสามารถใน ด้านนั้นๆ อันเป็นจุดเด่น ให้เป็นประโยชน์สูงสุด
เหล่านี้คือ หนึ่งในหัวใจหลักของศาสตร์วิ ชานี้ คือการเฟ้นหาจุดเด่น ลบจุดด้อยของคนที่มา ดูดวง โดยเราไม่สนใจกับการทายแม่น แบบบ้าๆบอๆแต่ไม่สามารถแก้ไ ขชีวิตได้ อาทิ หมอดูหลายคนบอกว่า คุณหนะ ชอบกอดหมอนข้าง มีปานดำใต้ขาขวา หรือชอบกระเป๋าสีแดง แบบนี้ถึงแม่น แต่ว่าไม่เกี่ยวอะไรเลยกับก ารพัฒนาชีวิตของพวกคุณ ผมยอมลดความแม่นลง (ซึ่งจริงๆวิชานี้มันเสือกแ ม่นเอามากๆกว่านั้นอีก) เพื่อจะได้แก้ไขชีวิตคนที่ม าดูดวงให้ได้ถ้าเขาทำตามเงื ่อนไขที่วางไว้ คือลดทอนจุดอ่อน ส่งเสริมจุดแข็ง
วาสนาคนเราต่างกันก็จริง แต่การประสบความสำเร็จ อยู่ที่การรู้จักตัวเอง รู้จักชะตาตัวเอง และปรับ ความคิด + การกระทำให้สอดคล้อง
ไม่ข้อเป็นหมอดูที่ทำนายได้ แม่นที่สุด แต่ขอเป็นหมอดูที่แก้ไขชีวิ ตคนได้จริง และได้เจริญที่สุด
กวีข้างต้นนี้ อาจารย์ถาวร สิกขโกศล แปลไว้อย่างคล้องจองว่า
มัจฉาจมวารี
ปักษีตกนภา
จันทร์หลบโฉมสุดา
มวลผกาละอายนาง
รวมเป็น สี่หญิงงามแห่งแผ่นดินจีน 四大美人
ไซซี ( 西施) เป็นหนึ่งในสี่หญิงงามแห่งแ ผ่นดินจีน เกิดประมาณ ค.ศ. 506
ก่อนคริสตกาล ซึ่งตรงกับยุคชุนชิว ที่มณฑลเจ้อเจียง ในรัฐเยว่ (State of Yue)
ไซซีได้รับฉายานามว่า “มัจฉาจมวารี” (沉魚) หมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงป ลายังต้องจมลงสู่ใต้น้ำ”
ไซซี เป็นเครื่องบรรณาการที่รัฐเ ยว่ ส่งให้อู่อ๋องฟูซา รัฐอู่ รับไว้ จนเกิดความลุ่มหลงไม่บริหาร บ้านเมือง 13 ปีให้หลัง รัฐอู่ล่มสลาย อู่อ๋องฟูซา ฆ่าตัวตาย รัฐเยว่เป็นอิสระภาพ
ไซซี มีปมด้อยคือ เท้าใหญ่ ต้องห่มเสื้อผ้ากรอมเท้าเพื ่อปกปิดส่วนนี้ของเธอเอาไว้ ตลอดเวลา
หวังเจาจวิน (王昭君) ชื่อจริงคือ หวังเฉียง (王牆) เป็นหนึ่งในสี่หญิงงาม
แห่งแผ่นดินจีน หวังเจาจวินได้รับฉายานามว่ า “ปักษีตกนภา” (落燕) ซึ่งหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงน กยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า ”
หวังเจาจวินเดิมเป็นนางกำนั ลในวังหลวง ที่ฮ่องเต้ราชวงศ์ฮั่นส่งไป ให้แก่ข่านของเผ่าซงหนู เพื่อกระชับสัมพันธ์ไมตรีโด ย ใน พ.ศ. 511 หู ฮันเซีย ผู้นำเผ่าซุงหนูเดินทางมาเย ือนฉางอันตามธรรมเนียมระหว่ างฮั่นและซุงหนู เขาก็ถือโอกาสขอพระราชทานธิ ดาจากพระจักรพรรดิเพื่อที่จ ะผู้สัมพันธ์เป็นราชบุตรเขย ของพระจักรพรรดิ แต่แทนที่พระจักรพรรดิจะทรง ส่งพระธิดาให้หู ฮันเซียตามที่ขอมา กลับทางเลือกนางกำนัล 5 นางมาให้ผู้นำเผ่าซุงหนูเลื อกเอาเอง และหนึ่งในนั้นก็คือ หวังเจาจวิน
ตัวในท้องพระโรง ความงามของนางถึงกับสะกดขุน นางทั่วทั้งท้องพระโรง รวมทั้งพระจักรพรรดิด้วย จนพระองค์ถึงกับทบทวนแนวพระ ราชดำริที่จะส่งนางไปยังซุง หนู หวังเจาจวินกลายมาเป็นภริยา คนโปรดของ หู ฮันเซีย ไป
หวังเจาจวิน มีปมด้อยคือ ไหล่ทั้งสองข้างสูง-ต่ำไม่เ ท่ากัน จึงสวมใส่อาภรณ์ปกปิดตั้งแต ่ศรีษะลงมาเพื่อปิดส่วนนี้ข องเธอเอาไว้
เตียวเสี้ยน (貂蟬) เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิ งประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊ก บุตรบุญธรรมของอ้องอุ้น ฉายานามว่า “จันทร์หลบโฉมสุดา” (闭月) ซึ่งหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจ ันทร์ยังต้องหลบให้”
เตียวเสี้ยน เป็นหญิงรับใช้ที่พ่อแม่ตาย แต่ยังเล็ก ได้อ้องอุ้นรับมาชุบเลี้ยง รากฏตัวครั้งแรกเมื่ออายุ 16 ปี ยามที่อ้องอุ้นถอนหายใจด้วย ห่วงใยในถานการณ์บ้านเมืองย ามดึก แล้วออกมาพบเตียวเสี้ยนนั่ง ร้องไห้กับเดือนอยู่ อ้องอุ้นถามว่า ลูกร้องไห้ด้วยเหตุใด อกหักเพราะความรักล่ะสิ เตียวเสียนตอบว่า มิได้ นางร้องไห้เพราะสงสารอ้องอุ ้นที่เหมือนบิดาตนกลุ้มใจ เมื่ออ้องอุ้นได้เห็นโฉมหน้ าของเตียวเสี้ยนอย่างชัดเจน แล้วจึงอุทานว่า แผ่นดินมีคนมาช่วยแล้ว อ้องอุ้นวางแผนให้เตียวเสี้ ยนใช้มารยาหญิงทำให้ตั๋งโต๊ ะและลิโป้แตกคอกันจนฆ่ากันเ องในที่สุด โดยจะยกให้แก่ลิโป้ก่อน แล้วจึงยกให้ตั๋งโต๊ะ ซึ่งสุดท้ายทุกอย่างก็เป็นไ ปตามแผนที่อ้องอุ้นวางไว้ทุ กประการ และหลังจากตอนนี้แล้ว เตียวเสี้ยนก็ไปเป็นภรรยาคน ที่สองของลิโป้ แต่การตายของเตียวเสี้ยนก็ไ ม่ปรากฏแน่ชัด บ้างก็ว่าเตียวเสี้ยนผูกคอต าย , เธอกลายร่างเป็นเมฆขาว , ไปบวชเป็นแม่ชี , หลังจากลิโป้ตายแล้วกวนอูก็ ฟันเตียวเสี้ยนคอขาด, กวนอูใช้ง้าวสับเงาร่างของเ ตียวเสี้ยนใต้แสงจันทร์
ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบันจึงมีการวิเคราะห ์ว่า เตียวเสี้ยนแตกต่างจากหญิงง ามอีกสามคน เนื่องจากไม่ได้รับการยืนยั นว่ามีตัวตนจริง ในประวัติศาสตร์ อาจเป็นเพียงหญิงรับใช้ของต ั๋งโต๊ะที่มีความสัมพันธ์กั บลิโป้ ซึ่งเป็นขุนศึกของตั๋งโต๊ะเ ท่านั้น
เตียวเสี้ยน มีปมด้อยคือ ใบหูเล็ก จำต้องปล่อยผมหรือแต่งทรงผม ให้ปิดใบหูของเธอไว้
หยางกุ้ยเฟย (楊貴妃) พระนามเดิมคือ หยางยวี่หวน (楊玉環) เกิด 1 มิถุนายน ค.ศ. 719 สิ้นพระชนม์ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 756 เป็นหนึ่งในสี่หญิงงามแห่งแ ผ่นดินจีน
กล่าวกันว่า หยางกุ้ยเฟยทรงเป็นสตรีที่ม ีความงามเป็นเลิศ ในรัชสมัยราชวงศ์ถัง ได้รับฉายานามว่า “มวลผกาละอายนาง” (羞花) ซึ่งหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่มวลห มู่ดอกไม้ยังต้องละอาย”
หยางกุ้ยเฟยเป็นพระสนมเอกใน จักรพรรดิถังเสวียนจง ของราชวงศ์ถัง อิทธิพลของหยางกุ้ยเฟยทำให้ ญาติของพระนางขึ้นมามีบทบาท ในราชสำนัก ในภายหลังเกิดการกบฎ ฮ่องเต้ถังเสวียนจงได้มีพระ บรมราชโองการให้พระนางสำเร็ จโทษโดยแขวนพระศอสิ้นพระชนม ์ชีพโดยใช้ผ้าแพรของฮ่องเต้ ถังเสวียนจง ระหว่างการหลบหนี โดยที่หยางกุ้ยเฟยมีอายุเพี ยง 37 ปี
หลังจากที่หยางกุ้ยเฟยฆ่าตั วตายไปแล้ว ไม่มีภาพวาดของนางปรากฏให้เ ห็นอีกเลย อีกทั้งตระกูลหยาง ยังถูกตัดสินฆ่าล้างทั้งตระ กูล จนบัดเดี๋ยวนี้ ก็ยังไม่แน่ใจว่ายังมีหลักฐ านเกี่ยวกับ หยางกุ้ยเฟยหลงเหลืออีกหรือ ไม่
หยางกุ้ยเฟย มีปมด้วยคือ มีกลิ่นตัว ซึ่งต้องอาบน้ำบ่อยที่สุด เพื่อลดกลิ่นตัวของนาง และมักจะมีแมลงหลากชนิดตอมต ัวเธอเป็นประจำ
อ้างอิง ที่มาจาก wikipedia ในบางส่วน เพราะขี้เกียดพิมพ์เอง