ระวัง ดวงชะตา เจ๊ง สำหรับคนชอบ Make Love กับคนอื่นแบบไม่รู้จักพอ
ระวัง ดวงชะตา เจ๊ง สำหรับคนชอบ MakeLove กับคนอื่นแบบไม่รู้จักพอ
เรียบเรียงจากปวงปรัชญาจีน ไทยทั้งโหราศาสตร์และแพทยศาสตร์ตลอดจนพระพุทธศาสนา โดย ซินแสหลัว
วิชาโหราศาสตร์จีน มีข้อสำคัญหนึ่งที่ผมอยากเตือนคนสมัยใหม่ ที่น่าเป็นห่วงเรื่องเพศสัมพันธ์อย่างยิ่งนี้เอาไว้ว่า
ตามตำราดวงจีนนั้น คนเราหากว่าคลุกคลีหรืออยู่กับใครนานๆ กระแสพลังของดวงของเขาจะสามารถมีอิทธิพลต่อดวงเราได้ อันนี้รวมทั้ง เพื่อนร่วมงาน ร่วมเรียน และคู่ครอง คู่นอนของคุณด้วย
สำคัญสุดคือ คู่นอน หรือคนที่คุณร่วมหลับนอนด้วยนี่หละ เพราะถือว่าแลกเปลี่ยนสารพลังงาน จิง 精 และ ชี่ 氣 ซึ่งกันและกัน และเรื่องนี้เป็นหลักปรัชญาจีนที่กล่าวไว้ในตำราทางการแพทย์แผนจีนด้วย ว่าผู้ชายเมื่อมีกิจกรรมทางเพศไม่ว่าจะด้วยตัวเอง หรือมีกับคนอื่นก็จะเสียพลังทาง หยาง 陽 ส่วนของผู้หญิงจะเสียพลังทาง 陰 อันนี้นับที่ตัวเราผู้กระทำนะ ไม่ใช้นับที่คู่รักว่าเป็นเพศไหน ถ้าคุณเกิดมาเพศชาย ทำกิจกรรมทางเพศไม่ว่ากับเพศใด หรือกับตนเอง ก็คือเสียพลังทาง หยาง 陽 แต่อยากจะบอกว่าถ้าเราอธิบายกันละเอียดกว่านี้ความจริงแล้วเสียทั้งยินหยางนั้นหละ เพียงแต่จุดเห็นชัดสุดเด่นสุดและสำคัญผลกระทบเป็นไปในความเสียทาง หยาง มากกว่า เป็นต้น
ใช่แล้ว แม้แต่มีอะไรกันครั้งเดียวก็ตาม ก็ส่งผล
ดังนั้นถ้าชะตาดีต่อกันก็ดีไป แต่ถ้ามันส่งผลร้าย อันนี้หละคุณดวงคุณจะเจ๊งโดยไม่รู้ตัว อะไรในชีวิตที่มันเคยดีดี หรือง่ายๆ ก็จะกลายเป็นร้ายร้าย ยากยาก
เหมือนกับดวงที่โดนกระสุนยิ่ง จนพรุน ยิ่งถ้าเป็นพวกเจ้าชู้ หรือใจง่ายเปลี่ยนคู่นอนเยอะ อันนี้สำคัญ และเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามว่ามันเป็นเรื่องของความใคร่ แค่ไม่ผิดข้อกาเมก็พอแล้วคือไม่ไปแย่งคู่ครองใครก็พอแล้วตามระดับศีลอย่างหยาบ ขอบอกว่าแค่นั้นหรือแค่ไหนมันก็ยังไม่เพียงพอจะทำให้เรารอดจากบ่วงกรรมที่เราก่อนี้ได้
แต่มันคือภัยแฝง ผลข้างเคียง ที่คุณอาจยังไม่ทราบ อย่าไปคิดว่าต้องมีเป็นสิบสิบคน แค่สามสี่คนที่เป็นแฟนหรือกิ๊กแล้วคุณมีเพศสัมพันธ์ด้วย เท่านี้ก็ส่งผลแล้ว
พูดอ้างอิงตำรา โหราศาสตร์จีน ว่าดวงจะพังนะ เพราะธาตุตามดวงจะถูกเปลี่ยนถ่ายหรือกระทบ คล้ายๆกับที่ปีชง เดือนชง ที่คุณเชื่อว่ามันมากระทบ อันนี้ให้ผลแบบจะแจ้งชัดเจนกว่าด้วยซ้ำ
พูดอ้างอิงตำรา แพทย์แผนจีน ว่าร่างกายจะเสียพลังสำคัญเพื่อความแข็งแรงของร่างกายและประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่างๆ ระบบเผาผลาญ และระบบความคิด จนมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนในเมืองจีนหลายแห่ง ออกเป็นข่าวมาเตือนนักศึกษาเรื่องการช่วยตัวเอง ว่าส่งผลต่อการเรียนสูงมาก เพราะผู้ชายที่ชอบดูหนังเอวี แล้วช่วยตัวเอง ทำให้เสียพลังหยางเหล่านี้จะเกิดสภาวะง่วงเหงาหาวนอนแบบหาสาเหตุไม่ได้ คือเวลาไปหาหมอแผนปัจจุบันเค้าก็จะถามว่า นอนกี่ชั่วโมง นอนพอมั้ย หลับสนิทมั้ย เป็นอันว่านอนหลับปกติ แต่จริงๆมันจะไม่ปกติตรงที่ร่างกายจะฟ้องมาว่าต่อให้นอนดีแค่ไหน กลางวันก็จะง่วง อาการหนักกว่านั้นจะเหงื่อออกตอนกลางคืน ออกหน้าอก ออกกลางหัว จนหมอนเปียก ความอ่อนแอนี้จะมาร่วมกับการเป็นภูมิแพ้ แพ้อากาศ แพ้ฝุ่นด้วย เพราะการเสียพลังสำคัญนี้ทำให้ภูมิต้านทานลดความแข็งแกร่งลง ตามหลักแพทย์แผนจีน ยิ่งไปกว่านั้น การทำกิจกรรมเหล่านี้บ่อยๆเพราะศูนย์เสียพลังเสถียรของร่างกายจึงทำให้จิตใจไม่ค่อยเป็นสมาธิ จดจำเรื่องที่เรียนไม่ค่อยได้ สับสนวุ่นวายภายในลึกๆ เหตุนี้ทางมหาวิทยาลัยหลายแห่งจึงออกมาเตือนนักศึกษา แต่ผมก็เข้าใจนะว่า มันหยุดยั้งได้ยากในช่วงวัยรุ่น เพราะตามหลักการแพทย์แผนไทยและจีน ช่วงวัยรุ่นเป็นวัยที่ธาตุไฟทำงานสูงมาก ไฟหนึ่งในนั้นก็คือ ไฟราคะ หรือไฟทางเพศ ถ้าพูดเป็นวิทยาศาสตร์คือ ฮอร์โมนที่ทำให้เราเห็นความเป็นชาย และหญิงชัดเจน เช่น มีน้ำกาม มีขน มีหน้าอก มีประจำเดือน เหล่านี้แพทย์แผนจีนและไทยเชื่อว่า ธาตุไฟเป็นตัวกำกับหลัก
พูดอ้างอิงตำรา ปรัชญาจีนและความเชื่อทางมหายาน ถือว่าศีลข้อกาเมนี้ ถ้าใครทำผิดจะส่งผลร้ายแรงหนักที่สุดในบรรดาศีลข้ออื่นๆ ต่างจากพุทธแบบเถรวาทที่ถือว่า ศีลข้อสุราฯ เป็นตัวสำคัญที่ทำให้ขาดสติ จนทำให้ผิดศีลอีกสี่ข้อที่เหลือได้ ข้อห้าสำคัญสุด
เหตุใดความเชื่อจีนถึงเชื่อว่า ศีลข้อกาเมฯ ร้ายแรงสุดก็เพราะว่า มันบรรดาลให้เกิดสารพัดเคราะห์ภัยต่างๆนานาได้อย่างแทบจินตนาการความร้ายกาจไม่ถึงกันเลยทีเดียว ก็ตรงกับผลกรรมของการผิดศีลข้อนี้ตามพระไตรปิฎกเขียนว่า ผู้ผิดศีลข้อสามนี้ ทำให้มี ศัตรู ภัย เวร
ศัตรู ได้แก่ คู่อริ คนไม่ชอบหน้า คนนินทาว่าร้าย คนมาหาเรื่อง คนมารังแก ฯ
ภัย ได้แก่ อันตรายทั้งทางการเดินทาง อุบัติเหตุ สิ่งแวดล้อม ภัยธรรมชาติ ฯ
เวร ได้แก่ การจองล้างจองแค้นไม่เลิก ตามตอแยไม่เลิก มีคนจ้องหาช่องหาโอกาสใส่ร้ายหรือทำลายเรา หรือชื่อเสียง หรือร่างกาย ฯ
อ่านแล้วรู้สึกความร้ายกาจมั้ยครับ ว่าครอบคลุมแทบจะทุกความซวยของชีวิต เพราะฉะนั้น อธิบายตามหลักดวงจีนอาจจะไม่เห็นภาพว่า ธาตุแลกเปลี่ยนแล้วทำไมทำให้ซวย แต่ถ้าอธิบายด้วยพระพุทธธรรมจะเห็นภาพได้ว่า ก็ทำให้เกิด ศัตรูภัยเวร ที่ชัดเจนสุดคือ พ่อแม่ต้องไม่แฮปปี้นะ ที่ไปล่วงเกินกันหรือไปแอบมีอะไรกัน หรือการไปมีชู้ รับรองได้ว่าฝั่งคนที่เค้าเป็นเจ้าของเราเดิม แฟนเรา กับฝั่งชู้ ย่อมมีเพื่อนของเค้า ญาติของเค้า คนรู้จักของเค้า ไม่พอใจกับการกระทำของเราเป็นแน่แท้ ทั้งๆที่เราไม่ได้ไปทำความเสียหายอะไรให้กับตัวเพื่อนของแฟนเรา แต่เค้าอาจจงเกลียดจงชัง หรืออาจตามราวีทำร้ายเราเพราะไปมีชู้จนทำให้เพื่อนของเค้า ซึ่งเป็นแฟนเราต้องเสียอกเสียใจ
อาจจะมีคำถามว่า ก็แล้วทุกฝ่ายเต็มใจเล่า ไม่ได้ไปละเมิดหรือแอบมี ทุกคนรับรู้และยินยอมก็ต้องตอบว่าลำพังเจ้าตัวยินยอมนั้นไม่พอ แต่ต่อให้ยินยอมและอาจไม่ผิดศีลฯข้อกาเมฯ เพราะไม่ได้ไปแย่งใครมา ก็ยังบั่นทอนสุขภาพตัวเองตามหลักแพทย์แผนจีนที่อธิบายไปข้างต้น หลักของการยินยอมจริงๆ ต้องยินยอมภายใต้องค์ประกอบคือ ต่อให้สมัครใจแต่ห้าม เข้าลักษณะ หก ข้อข้างล่างนี้ ได้แก่
1.ต้องไม่อยู่ในปกครองของมารดา บิดา พี่น้อง ญาติ ผู้ร่วมตระกูล (ย่อจากข้อ 1-7)
2.ต้องไม่อยู่ในอารักขาของศีลธรรม เช่น หญิงที่บวชเป็นชี ที่ถือศีลพรหมจรรย์ ศีลแปด ฯ
และไม่เป็นคนที่พระราชาทรงมุ่งหมายไว้
3.ต้องไม่มีคู่หมั้น ไม่มีคนที่มอบใจสมัครใจไปอยู่และหมายจะเป็นคู่ครองเป็นภรรยาเค้า (คือไม่ใช่ไปอยู่กับเค้าเฉยๆ แต่ไปอยู่เพื่อมุ่งหมายจะเป็นคู่ครองของเค้าด้วย) รวมถึงไปอยู่ด้วยเพื่อหวังเงิน หวังสินจ้าง หวังเครื่องนุ่งห่ม
4.ต้องไม่มีคู่สมรสด้วยการหลั่งน้ำสังข์ (คนที่แต่งงานแล้ว)
5.ต้องไม่เป็นคนที่มีเจ้าของ ซึ่งเจ้าของเขานั้นได้ตัวเขามาจากการเอาเงินไปซื้อมา มาเป็นทาส เป็นคนรับใช้ หรือช่วยมาให้พ้นจากความทุกข์ยากลำบาก
6.ต้องไม่เป็นผู้ให้บริการทางเพศไม่ว่าจะขายหรือไม่ ในพระสูตรใช้คำว่า หญิงนครโสเภณี
ทั้งหมดหกข้อย่อมาจาก อรรถกถา ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค สังคีติสูตร พระไตรปิฎก
จะเห็นได้ว่า คนแต่งงานมีคู่แล้วผิดชัวร์ๆ ถ้าเค้ายังไม่มีแฟนไม่แต่งงาน แต่ยังมีพ่อแม่ญาติพี่น้องก็ผิดชัวร์ๆ ถ้าตายหมดทั้งตระกูลแต่เค้าถือศีลเรื่องนี้อยู่ เราไปละเมิดก็ผิดชัวร์ๆ หรือต่อให้เป็นคนกำพร้าอยู่ในความดูแลสถานสงเคราะห์ก็ผิด แม้นกระทั่งการไปซื้อบริการทางเพศ ก็ผิดศีลข้อนี้
วันนี้เอาหลักเกณฑ์ และผลนำมาพูดให้ชัดๆ ในหลายแง่มุมเพื่อให้ท่านกลับไปสำรวจว่าตัวเองยังเข้าข่ายผิดศีลข้อนี้หรือไม่ ถ้าผิดก็ไม่ต้องแปลกใจที่จะเจอ ศัตรู ภัย เวร หรืออาจเรียกสั้นๆว่า ความซวยในชีวิตที่ไม่รู้ว่ามาได้ยังไง วันนี้ก็ให้รู้ให้ทราบเสียว่า มาได้ยังไง
คำถามก็คือว่า ถ้าเป็นแฟนกันอยู่ด้วยกันเฉยๆแบบไม่ล่วงเกินกัน หรืออยู่ด้วยกันแล้วประกาศให้คนทั่วไปรับทราบหมดแล้วว่าเป็นคู่ครองกันและกัน ต่อให้ไม่จัดงานแต่ง ไม่จดทะเบียน แต่ทำการแต่งงานเล็กๆในบ้าน พ่อแม่รับรู้ แบบนี้ก็ถือว่าไม่ผิด ซึ่งเราก็ต่างเข้าใจกันดีว่ายุคสมัยนี้มันเป็นไปได้ยากมาก ที่จะเป็นอย่างนั้น ด้วยคำว่ายังไม่พร้อมขอลองดูไปก่อน ศึกษากันไปก่อน
ถ้าผิดศีลข้อนี้ก็ไม่ต้องไปท้อแท้ใจครับ ให้เอามาเป็นแรงบันดาลใจไประวังตัวให้ดีว่า ใจมันห้ามยาก อารมณ์มันพาไป ก็ขอให้อย่าผิดอีก สี่ข้อ และอย่าคบคนพาลเป็นมิตรก็แล้วกัน สักวันท่านก็จะทำได้เอง รู้ตัว รู้ผิดแล้วยอมรับ แล้วระลึกรู้สึกตัวบ่อยๆ พยายามไม่ทำให้ความผิดมันเลอะเทอะมากขึ้น ดีเสียกว่าทำเป็นลืมๆว่า ชั้นไม่ผิดอะไร
ชัดเจนกับชีวิต แล้วชีวิตจะชัดเจน
ตั้งหวังให้สมกับที่ได้เกิดมามีชีวิต
แล้วชีวิตก็จะสมในหวัง ที่ตั้งไว้
ผิดก็ยอมรับ หรือถ้าไม่แน่ใจว่าผิดหรือถูกก็ไปค้นหาให้พบว่า มันผิดหรือถูก โลกนี้ไม่มีอะไรเทาๆ ถ้าคุณพูดว่าสีเทาๆ แปลว่านั้นคือความผิดแต่มาปลอบใจตนเองว่าผิดไม่มาก หรือผิดบ้างดีบ้าง ก็ผิดอยู่ดี ยอมรับผิด แล้วอยู่อย่างรู้ว่ามันผิด แล้วพยายามไม่ทำความผิดเพิ่ม สักวันมันจะเข้มแข็ง จนเอาชนะได้ จนความผิดมันลดลงๆเรื่อยๆ แต่ถ้ามาปฏิเสธเสียงแข็งเสียแล้วว่า ฉันไม่เห็นทำผิดอะไร เพราะไม่ได้ไปฆ่าใครตายสักหน่อย มีความสุขร่วมกันนี่ แบบนี้มันยิ่งทำให้ประมาทว่า อะไรๆก็ไม่เห็นผิด อะไรๆก็แค่สีเทายังไม่ดำ เงามืดมันจะมากขึ้นจนรู้ตัวอีกทีก็จะมาถอนหายใจว่า ดำมืดไปหมดเสียแล้ว
แสงสว่าง ทางส่องชีวิต
คนจุดไฟนั้น คือตัวคุณเอง
ไม่มีใครมาส่องทางข้างหน้าให้คุณได้
ทางจะสว่าง เมื่อหันมาเริ่มส่องในตน ส่องในใจ
1.ค้นหาข้อดี ความดีงาม รักษาให้มันดียิ่งขึ้น
2.ป้องกันความดีงามนั้นไม่ให้เสื่อม
3.ค้นหาข้อเสีย บกพร่อง ความร้ายกาจ เรื่องร้ายๆในตน ในใจ เพื่อไปรู้ทัน ไปลดมันลง
4.และป้องกันไม่ให้ความร้ายกาจอื่นๆ ความเห็นแก่ตัว ความชั่วอื่นๆ มันเข้ามามากขึ้น
สี่ข้อนี้ผมถอดความมาเป็นภาษาง่ายๆ เอามาจาก มรรคแปดเรื่อง ความเพียรที่ถูกต้องชอบธรรม (สัมมาวายาโม) ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า ให้เพียรทำสี่เรื่องนี้
ถ้าความชั่วมันยากจะละ
ยากจะอดใจไหว ยากจะฝืน
ก็ขอให้ไปใส่ใจทำดีให้มาก
ทำดีบ่อยๆ
เพราะเมื่อทำดีย่อมไม่ทำชั่ว
(ครู่ขณะที่ทำชั่วย่อมเว้นจากการทำดีไป)