“ถ้าป้ายไม่เขียน พวกคุณทำกันไม่เป็นใช่ไหม ?”
วันนี้ตอนเย็นขึ้นรถเมล์จากหน้าทำเนียบรัฐบาล กลับไปที่พัก (อุตส่าห์จะช่วยลดโลกร้อน)
เกิดเหตุการณ์ขึ้น จะบอกว่าไม่คาดคิดก็ไม่ใช่ เพราะวันนี้ผมไหว้พระตอนเช้า จู่ๆกระบอกใส่ธูปก็ตกร่วงลงมา ผมก็สังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี แต่ไม่ได้คิดมากจริงจังมาก ก็ผ่านๆไป
ตกเย็น เห็นรถเมล์สาย 16 วิ่งผ่านมา ในมือก็กำลังจะรับโทรศัพท์ของน้องสาว เนื่องจากวันนี้เธอต้องเดินทางไปญี่ปุ่น ปรากฎว่าพอเราเจออุทธาหรณ์ที่เคยเห็นว่า คนโทรศัพท์แล้วก้าวขึ้นรถเมลล์ไปด้วยมักจะเกิดอุบัติเหตุ ผมก็ปิดมือถือ แล้วต้องหอบสังขารวิ่งขึ้นรถ แต่ก็มีผู้หญิงหลายท่าน ผมก็รอๆให้พวกเขาขึ้นหมดก่อน ทันใดกะลังก้าวขึ้นไม่เต็มที่ รถก็ออกตัวด้วยความรวดเร็ว ผมเสียหลักเกือบตกรถ
ขึ้นไปบนรถ กระเป๋ารถเมล์มองหน้าทำตาขวาง ผมก็พูดด้วยเสียงดังว่า คนจะขึ้นรถไม่หัดระวัง ยังมาทำตามขวาง เธอคนนั้นตอบมาว่า ขึ้นรถต้องหัดดู มัวทำอะไรอยู่เล่า ผมจึงพูดต่อว่า ผมระวังตัวแล้ว มือถือก็ปิด วิ่งตามรถคุณอีก แบบนี้หาว่าไม่ตั้งใจขึ้นรถหรือไง แล้วเธอก็เงียบ
ทันใดก็เหลือบไปเห็นป้ายที่ทุกทีผมเห็นแล้วชื่นใจนะ ที่ว่าถ้าพนักงานไม่กล่าวสวีสดี หรือขอบคุณ โปรดแจ้ง เบอร์…… ฯ แต่พอ่วันนี้มาอ่านก็เลยคิดได้ว่า อ้อ เค้าไม่ได้เขียนว่า ขอโทษ เลยพูดขอโทษกันไม่เป็น ทั้งคนขับรถทีขับต่อไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระเป๋ารถเมล์ที่ตำหนิผู้โดยสาร ทั้งๆที่ตัวเองยืนมองอยู่ที่ประตูตลอด แต่เป็นใบ้
“””คนเรานะท่านทั้งหลาย ถ้ารู้จักเพ่งโทษตนเองก่อน สำรวจตนเองก่อน แล้วค่อยไปเพ่งโทษหรือว่ากล่าวผู้อื่นนะ ความบาดหมาง หรือความผิดพลาดจะเกิดได้น้อยกว่านี้ เรียกว่าเราเตือนตนด้วยตนเองตลอดเวลา เรียกว่าเราเป็นคนมีสติตามพุทธโอวาท แต่คนสมัยนี้ เกิดอะไรขึ้น คิดแวปแรก ชั้นถูกแล้ว ชั้นทำดีแล้วเสมอๆ สุดท้ายเจ๊งทุกราย”””
ดวงที่ผมดูหลายท่านก็เป็นคล้ายๆเช่นนี้ แต่ทุกท่านย่อมต้องได้รับการให้อภัยได้ เพราะท่านรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่คิดว่าตัวเองทำถูกต้องตามดวงชะตา (ถูกตามดวง กับถูกตามที่ท่านคิดว่าควรจะเป็นหลายครั้งต่างกันนะ) ผมจึงต้องมาช่วยส่อง ช่วยมอง ช่วยแก้ไขให้ ด้วยคำแนะนำที่ไม่ละเมิดความถูกต้องทางศีลธรรมเป็นหลักของผม
แต่กระเป๋ารถเมลล์คนนั้น ต้องใช้คำว่า โง่ แล้วยังนึกว่าตัวเองถูก ทำงานเหนื่อยทั้งวันย่อมมีอารมณ์บ้าง เผลอบ้างผมเข้าใจ แต่ว่าหน้าที่คือหน้าที่ ต้องทำโดยปราศจากอคติ และปราศจากอารมณ์ สิ่งสำคัญคือ ถ้าคิดว่าทำงานเพื่อรับใช้มวลชน (องค์การขนส่งมวลชนแล้ว) ลูกค้าต้องมาก่อน และเมื่อเกิดเหตุการณ์ก่อนได้รับการตรวจสอบผลที่แน่ชัดว่าใครถูกใครผิด ลูกค้าต้องถูกก่อนเสมอ เพราะนี้คือหัวใจหลักของงานบริการ