ภาพถ่ายใบแรกแห่งจอมนาง ซูสีไทเฮา
ภาพถ่ายใบแรกแห่งจอมนาง ซูสีไทเฮา
ในปี 1842 หลังจากที่ข้อตกลงนานกิงได้ถูกเซ็นขึ้น ทำให้วิทยาการต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาในเมืองจีน ด้านการถ่ายภาพก็เช่นเดียวกัน เข้ามาในเมืองจีนเมื่อ ปี 1892
โดยนาย เหรินจิ่งเฟิง ได้มาทำการเปิดร้านถ่ายรูปร้านแรกของจีนขึ้น ณ กรุงปักกิ่ง
ส่วนในวัง คนที่เอาวิทยาการเรื่องการถ่ายรูปเข้ามาก็คือ กงชิงอ๋อง และเจินเฟย สนมของฮ่องเต้ แต่แฟนพันธุ์แท้เรื่องการถ่ายภาพจริงๆแล้ว คือ พระนางซูสีไทเฮา จอมนางสามแผ่นดิน เสียนเฟิง ถงจื้อ กวางสู สามรัชสมัย ซึ่งขณะนั้น พระนางมีอายุได้ 70 กว่าพรรษาแล้ว แต่อยากมีช่วงเวลาดีๆ เก็บความทรงจำและความงามสง่าของตัวเองเอาไว้เชยชม
หลักฐานพบว่า พระนางถ่ายรูปไว้ถึง 31 ภาพ อัดออกมาเป็นรูปถ่ายจำนวนทั้งสิ้น 786 รูป ภาพที่ท่านเห็นเป็นภาพแรกที่พระนางถ่าย ถ่ายโดย ชินหลิง พนักงานถ่ายภาพประจำพระองค์ พระนางเป็นคนรักหน้าตาและหยิ่งในพระอำนาจมาก ดังนั้น รูปแรกใบนี้ จึงตั้งใจอย่างยิ่งที่จะแสดงออกถึงซึ่งความเนี๊ยบและความทรงพลังอำนาจแห่งจอมนางผู้กุมแผ่นดินจีนเอาไว้
ศัพท์จีนเรียกการถ่ายภาพว่า เจ้าเซี่ยง 照相 คำว่า เจ้า 照 หมายถึงลอกเลียนแบบให้เหมือนที่สุด ส่วนคำว่า เซี่ยง 相 คือรูปลักษณะ
ก่อนการถ่ายรูปนี้ด้วยความตื่นเต้นพระนางได้ถามยินหลิงว่า รูปฉันนี่ ใช้เวลาถ่ายนานไหม
ยินหลิงว่า ไม่นาน ไม่กี่นาทีก็ได้แล้วเพยะค่ะ
ณ ตอนนั้นพระนางตะลึงมากว่า ใช้เวลาไม่กี่นาที ก็สามารถถ่ายเอารูปคนทั้งคนออกมาได้เหรอ
แล้วถ่ายมาแล้วจะได้เห็นเมื่อไหร่
ชินหลิงตอบว่า ก็ถ่ายตอนเช้า ตอนเย็นก็ได้เห็นแล้ว
ซูสีไทเฮา รู้สึกทึ่งกับเครื่องมือนี้มากว่า เครื่องมืออันนี่เนี่ยะนะที่จะสามารถถ่ายภาพคนออกมาได้ น่าประหลาดใจมากๆ พอถ่ายภาพนี้เสร็จ ซูสีไทเฮารอไม่ไหวถึงขั้นเข้าไปถึงในห้องอัดภาพ เพื่อรอชมภาพถ่ายของตัวเอง พอล้างภาพออกมาเท่านั้นหละ พระนางก็หยิบขึ้นมาดู พลิกไป พลิกมา ดูหลายรอบถือไว้สักพัก อ้าว เอาหละ ภาพทั้งหมดกลายเป็นสีดำมืด
ซูสีไทเฮาเลยถามว่า เหยๆ ไม่ใช่ว่าอันนี่เป็นคาถามนต์ดำของพวกปิศาจมาทำของใส่ชั้นนะ วิชามารแน่ๆ ชินหลิงตอบว่า ภาพถ่ายออกมาแล้วต้องเอาไปล้างอีกรอบ ล้างแล้วถึงใช้ได้ พระนางอุทานว่า โหยย ซับซ้อนยุ่งยาก สารพัดขนาดนั้นเลยนะ
ล้างออกมาสมบูรณ์ พระนางดีใจตบไม้ตบมือว่า โอ้ ทุกสิ่งอย่างช่างเหมือนจริงแท้
ว่าแล้วก็เอาภาพถ่ายกลับไปที่ตำหนัก ถือมองอยู่นานสองนาน เสร็จก็มีรับสั่งให้ อัดภาพเพิ่มมาอีก 10 ใบ ดูความลำบากของนายช่างภาพ ชินหลิงนี่นะ ต้องคุกเข่านะบอกให้เวลาถ่ายให้ ซูสีไทเฮา ตามกฎราชสำนัก ยังไม่พอ ราชสำนักชิงสั่งห้ามว่า ขุนนางต่อหน้าพระพักตร์ห้ามใส่แว่น แต่นายชินหลิงสายตาไม่ดี ต้องใส่ ขืนไม่ใส่มองเลนส์มองกล้องไม่เห็น ทำงานไม่ได้ ก็เลยได้รับบัญชาเป็นอภิสิทธิ์ขุนนางว่า ให้เฉพาะนายชินหลิง ใส่แว่นเข้าเฝ้าในวังได้
ภาพๆนี้ ซูสีไทเฮาถ่ายออกมาได้สง่างามสมพระเกียรติยิ่ง แต่งองค์ทรงเครื่องจัดเต็ม รายล้อมด้วยขันธีและสนมรับใช้เพื่อแสดงความไฮโซให้เห็น อวดแก่คนทั่วไป ในภาพนั้น ดูเหมือนพระนางจะหุ่นดีตัวสูงมาก
ปี 1984 ความลับบางอย่างปรากฎ พระศพของพระนางซูสีไทเฮา เอามาวัดความสูง พระนางสูงแค่ ร้อยห้าสิบกว่าเซนติเมตร เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นตอนมีชีวิตอยู่สูงได้อย่างมากก็ราวๆ 160 เซนติเมตรไม่เกินนี้ หากแต่ทำไมในภาพถ่าย พระนางถึงดูตัวสูงหุ่นดีเล่า
จากการดูภาพถ่ายพระนางหลายๆภาพทำให้ทราบว่า ลำพังเครื่องประดับผมด้านบนก็สูงราว สิบกว่าเซนติเมตรแล้ว รองเท้าส้นสูงมากๆที่พระนางสวมอีก บวกๆกันไป ทำให้ดูเหมือนพระนางสูงร่วม 180 เซนติเมตรได้ ดูสง่างามโก้เก๋สุดๆ ฉลองพระองค์พวกนี้ก็ไม่ได้ใช้ช่างในวังนะ
ซูสีไทเฮาบอกว่าไม่โก้ถูกใจพอ พระนางเลยไปจ้างเอาช่างนอกวังทำชุดผ้าไหมพวกนี้ ประดับใข่มุกเพี้ยบ เอาให้อลังการที่สุด เพราะซูสีไทเฮาชอบใข่มุก ประดับผม ประดับที่ครอบเล็บปลอมทำด้วยทองและอัญมณี กับผ้าพันคอผ้าไหม ไม่ว่าจะภาพไหนพระนางกะจัดเต็มให้เป๊ะมากที่สุด เพื่อจะแสดงออกเต็มที่ซึ่งความสง่างามของตน
ประวัติว่า ในยามจอ ก็ราวๆทุ่มสองทุ่ม ซูสีไทเฮาจะฟังคนอ่านหนังสือหรือไม่ก็เล่าเรื่องให้ฟัง ในยามกุน ราวๆสามสี่ทุ่ม ก็จะบรรทม เสร็จแล้วยามขาล ราวๆ ตีสามตีสี่ ก็จะตื่นบรรทม เสร็จก็แต่งองค์ทรงเครื่องราวชั่วโมงนึง กลางวัน และตอนเย็นพระนางจะทรงจ๊อกกิ้ง ไม่ก็เดินเบาๆ ตกเย็นก็จะมีสตรีรับใช้มาทำสปาเล็บและสปาเท้าให้
ซูสีไทเฮาเป็นคนโคตรเนี๊ยบและรักความสะอาดมาก ทุกสิ่งอย่างในชีวิตผ้าผ่อนต้องจัดเตรียมให้เรียบร้อยและตัองหอม ห้องนอน เตียงเติงอะไร ต้องเอี่ยมอ่องอรทัย นอกจากจุดเครื่องหอมแล้ว ก็ต้องมีผลไม้เป็นกองๆ อยู่ในห้อง และดอกไม้สวยงามด้วยเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ลองดูในภาพเก่าหลายๆภาพของพระนาง ในตำหนักนี่มีถาดใส่ผลไม้ ขนาดเกือบเท่ากระทะ ตั้งไว้ใส่ผลไม้ เปลี่ยนสดใหม่ตลอด
ด้วยความไฮโซอยากโชว์ของซูสีไทเฮา เครื่องประดับเสื้อผ้าในแต่ละภาพจะไม่มีทางซ้ำกันเลย ยกเว้น ต่างหูคู่นึง ที่พระนางใส่คู่เดิมตลอดไม่เปลี่ยน
ประวัติเล่าว่า ซูสีไทเฮา โคตรอัจฉริยะ สามารถทำความเข้าใจและจดจำ 四書五經 สี่หนังสือห้าคัมภีร์ได้เกลี้ยง (ถ้าใครเคยได้เห็นจะรู้ว่าเนื้อหาเยอะมากๆ เดี๊ยวนี่เขาทำรวมเล่มขายก็มีครับ หนึ่งในนั้นถ้าเคยได้ยินก็มี คัมภีร์อี้จิง ด้วย)
ช่ำชองเชี่ยวชาญภาษาแมนจู ฉลาดแก้เกมการเมืองได้ เป็นที่ประทับใจของฮ่องเต้เสียนเฟิงมาก ฮ่องเต้เสียนเฟิงนี่หละ ประทานต่างหูคู่นี้ให้ พระนางด้วยความห้าว เจาะหูสี่รู เพื่อจะได้ใส่ต่างหูของฮ่องเต้ที่ประทานให้เอาไว้ได้ตลอดชีวิต
ดอกไม้งามจะมีคุณค่าต้องหอมด้วย เหมือนสตรีนั้นต่อให้รูปโฉมงดงาม แต่ต้องมีสติปัญญา มีมารยาทงดงามด้วย กระทั่งก็ควรจะรักษาจิตใจให้เป็นคนอ่อนโยนเมตตา …
เรียบเรียงจากสื่อประวัติตำนานพระราชวังต้องห้าม กู้กง
ซินแสหลัว
.