ทำไม ชั้นกับผัวสองคน สวดมนต์มาตลอด ทำบุญที่วัดสารพัดจะทำบุญมาตลอด แล้วปรากฎว่า ไม่เห็นจะรวยเท่าพี่สาวเลย (เศรษฐิณีค้าขายวัสดุเหล็กชื่อดังระดับจังหวัดคนหนึ่ง พูด)
ทำไม ชั้นกับผัวสองคน สวดมนต์มาตลอด ทำบุญที่วัดสารพัดจะทำบุญมาตลอด แล้วปรากฎว่า ไม่เห็นจะรวยเท่าพี่สาวเลย (เศรษฐิณีค้าขายวัสดุเหล็กชื่อดังระดับจังหวัดคนหนึ่ง พูด)
ทุกครั้งที่จะดูดวงก็จะบอกให้ผู้ที่ต้องการดู ส่งวันเดือนปีเกิดเวลาเกิดมาก่อนเพื่อให้ง่ายละประหยัดเวลา เนื่องจากผมจะได้เขียนคำนวนเตรียมไว้ก่อน พร้อมกับบอกอาชีพที่ทำอยู่ เพราะสำคัญมากในการพิเคราะห์และแนะนำทางพัฒนาดวงตามวิชาดวงจีนที่ผมใช้
ปรากฎว่า สตรีคนนี้เขาเขียนอาชีพเขาว่า รับซื้อเศษเหล็ก ฯ แต่พอได้เห็นดวงไปแล้วผมก็เลยพูดเล่นๆว่า เศษเหล็กระดับโรงงาน ดังระดับจังหวัดเลยเนาะ แหม่ ทีแรกนึกว่าแนวๆดีกว่ารับซื้อของเก่าหน่อย ที่ไหนได้ แทบจะทั้งจังหวัด เทลงที่ร้านนี้ร้านเดียว พูดทำนายเรื่องดวงไปหายข้อ ก็มีคำถามที่น่าสนใจข้อนี้ที่ว่า ทำไมชั้นกับสามี ทำบุญและสวดมนต์ตลอด กลับไม่มีชีวิตที่รวยเท่าพี่สาว ไหนว่า ทำทานๆแล้วจะได้ผลดีเยอะๆไง วงเล็บ ให้ทานแล้วจะรวยนั้นหละ ผมก็เลยถามย้อนคืนไปว่า
พี่สาวไม่เบียดเบียนสัตว์ใช่ไหม
พี่สาวไม่พูดโกหกใช่ไหม
พี่สาวไม่ขโมยของ ไม่โกงใครใช่ไหม
พี่สาวไม่ผิดลูกผิดผัวใครใช่ไหม
และพี่สาว ไม่ดื่มสุราใช่ไหม
เขาก็บอกใช่ ทำครบ แต่บ้านฉันไม่ครบ เพิ่งมาครบเมื่อ สามอาทิตย์ที่ผ่านมาช่วงออกพรรษา ผมก็ได้ช่องว่า อ้าว ก็ไหนเมื่อกี้ผมทายไปว่า ราวๆ 22-23 กย ที่ผ่านมานี้ มีการเปลี่ยนแปลงชีวิต และมาให้ผลราวๆ เจ็ดแปดตุลา กลับบอกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยน เขาก็บอกว่านึกว่าหมายถึงเรื่อง งาน เรื่องเงิน นี่ไม่เปลี่ยนนะ เปลี่ยนแค่ สามีเลิกกินเหล้าได้ และตั้งใจว่าจะเลิกตลอดไป เพราะตรวจพบเป็นความดันสูง ผมก็เลยบอกว่า อันนี้แหละ การเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่ เคยฟังเทศน์ที่ไหนแล้วพระบอกว่า “ศีล คือ มหาทา่น” เคยได้ยินไหม พูดแบบรวบๆง่ายๆนะ การรักษาศีลนี้มีค่าเท่ากับการให้ทานที่ยิ่งใหญ่ มากกว่าอามิสทานที่เธอพร่ำๆทำมาตลอดด้วยซ้ำ เพราะให้ผลที่ กุศล คือให้ผลที่จิตใจ อันมีอานุภาพมากกว่าบุญจากการให้ทรัพย์สินสิ่งของ มีท่านผู้รู้ได้อธิบายไว้ในเวปไซต์หนึ่งว่า
ความแตกต่างของทาน กับ มหาทาน มีดังนี้
ทาน มุ่งหมายถึง เจตนาที่สละวัตถุ เป็นสำคัญ ส่วนมหาทาน โดยนัยการสละวัตถุ ตามที่กล่าวมาในอสทิสทาน ที่เป็นทานอันยิ่งใหญ่ก็เป็นการสละวัตถุเช่นกัน แต่สละวัตถุที่ประณีตและยิ่งใหญ่ และ ผู้รับก็มีคุณธรรมยิ่งใหญ่ เป็นมหา ใหญ่ยิ่งด้วยคุณธรรมและวัตถุ ครับ
และความแตกต่างอีกนัยหนึ่ง คือ ทาน ที่เป็นการสละวัตถุ ให้ความสุขกับผู้อื่นด้วยวัตถุนั้น แต่ มหาทาน ที่เป็นการรักษาศีล เป็นการให้ ที่ไม่ใช่วัตถุ แต่ เป็นการให้ความปลอดภัย ให้ความไม่มีภัยกับผู้อื่น รวมทั้งเป็นการสละกิเลสภายในของตนเองเป็นสำคัญ มหาทาน ที่เป็นศีล จึงเป็นกุศลที่มีกำลัง และ ประณีตกว่า ทาน ทั่วไป เพราะ เป็นกุศลที่ขัดเกลากิเลสของตนเอง และให้ความไม่มีภัยกับผู้อื่นด้วย ทั้งชีวิต และทรัพย์สิน และ ให้ความไม่มีภัยที่เป็นความสุขของคนอื่นด้วย ครับ
ส่วน โดยนัยปรมัตถธรรม ทั้งทาน และ มหาทาน ที่เป็นโดยนัย การสละวัตถุ ก็เป็นอโลภะเจตสิกที่เหมือนกัน ส่วน ทานกับ มหาทานที่เป็นนัยศีลนั้น ทานที่เป็นอโลภะเจตสิกเป็นสำคัญ ส่วนมหาทาน บางครั้งก็เป็นอโลภะเจตสิก ไม่โลภ จึงไม่ขโมย บางครั้งก็เป็น อโทสะเจตสิก ไม่โกรธ จึงไม่ฆ่า เป็นต้น ครับ
นี่คือ ความแตกต่างของ ทาน และ มหาทาน ตามที่กล่าวมา ครับ ขออนุโมทนา
และใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต ปุญญาภิสันทสูตร มีความว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญห้วงกุศล ๘ ประการนี้ นำความสุข
มาให้ ให้อารมณ์เลิศ มีสุขเป็นผล เป็นไปเพื่อสวรรค์ เป็นไปเพื่อสิ่งที่น่า
ปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ห้วงบุญ
ห้วงกุศล ๘ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ถึง
พระพุทธเจ้าเป็นสรณะ นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๑ นำความสุขมาให้ ให้
อารมณ์เลิศ มีสุขเป็นผล เป็นไปเพื่อสวรรค์ เป็นไปเพื่อสิ่งที่น่าปรารถนา
น่าใคร่ น่าพอใจ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ฯ
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ถึงพระธรรมเป็นสรณะ
นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๒ ฯลฯ
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ นี้
เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๓ ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทาน ๕ ประการนี้ เป็นมหาทาน อันบัณฑิตพึงรู้ว่า
เป็นเลิศ มีมานาน เป็นเชื้อสายแห่งพระอริยะ เป็นของเก่า ไม่กระจัดกระจาย
ไม่เคยกระจัดกระจาย อันบัณฑิตไม่รังเกียจอยู่ จักไม่รังเกียจ อันสมณพราหมณ์
ผู้เป็นวิญญูไม่เกลียด ทาน ๕ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกใน
ธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ละปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อริยสาวกผู้งดเว้นจากปาณาติบาต ชื่อว่าให้ความไม่มีภัย ความไม่มีเวร ความไม่
เบียดเบียน แก่สัตว์หาประมาณมิได้ ครั้นให้ความไม่มีภัย ความไม่มีเวร ความ
ไม่เบียดเบียนแก่สัตว์หาประมาณมิได้แล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งความไม่มีภัย
ความไม่มีเวร ความไม่เบียดเบียน หาประมาณมิได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็น
ทานประการที่ ๑ ที่เป็นมหาทาน บัณฑิตพึงรู้ว่าเป็นเลิศ มีมานาน เป็นเชื้อสาย
แห่งพระอริยะ เป็นของเก่า ไม่กระจัดกระจาย ไม่เคยกระจัดกระจาย อันบัณฑิต
ไม่รังเกียจ อันสมณพราหมณ์ผู้เป็นวิญญูไม่เกลียด ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นห้วง
บุญห้วงกุศลประการที่ ๔ ฯลฯ
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกละอทินนาทาน งดเว้นจากอทินนาทาน ฯลฯ
นี้เป็นทานประการที่ ๒ ฯลฯ นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๕ ฯลฯ
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกละกาเมสุมิจฉาจาร งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร
ฯลฯ นี้เป็นทานประการที่ ๓ ฯลฯ นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๖ ฯลฯ
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกละมุสาวาท งดเว้นจากมุสาวาท ฯลฯ นี้
เป็นทานประการที่ ๔ ฯลฯ นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๗ ฯลฯ
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกละการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย อันเป็น
ที่ตั้งแห่งความประมาท งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้ง
แห่งความประมาท ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ
สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทแล้ว ชื่อว่าให้ความไม่มีภัย ความ
ไม่มีเวร ความไม่เบียดเบียนแก่สัตว์หาประมาณมิได้ ครั้นให้ความไม่มีภัย ความ
ไม่มีเวร ความไม่เบียดเบียนแก่สัตว์หาประมาณมิได้แล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่ง
ความไม่มีภัย ความไม่มีเวร ความไม่เบียดเบียนหาประมาณมิได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นี้เป็นทานประการที่ ๕ ที่เป็นมหาทาน บัณฑิตพึงรู้ว่าเป็นเลิศ มีมานาน เป็น
เชื้อสายแห่งพระอริยะ เป็นของเก่า ไม่กระจัดกระจาย ไม่เคยกระจัดกระจาย
อันบัณฑิตไม่รังเกียจ จักไม่รังเกียจ อันสมณพราหมณ์ผู้เป็นวิญญูไม่เกลียด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๘ นำสุขมาให้ ให้อารมณ์
อันเลิศ มีสุขเป็นผล เป็นไปเพื่อสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งที่น่าปรารถนา
น่าใคร่ น่าพอใจ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ห้วงบุญห้วงกุศล ๘ ประการนี้แล นำสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นผล
เป็นไปเพื่อสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ฯ
เหล่านี้คงเป็นคำตอบในเบื้องต้นได้บ้าง ว่า ไม่สวดมนต์เท่าฉัน ไม่ทำบุญไปวัดเท่าฉัน แล้วทำไมถึงได้ดีกว่าฉัน และเป็นอีกคำตอบหนึ่งที่ว่า ศีล ไม่จำเป็นต้อง สมาทาน หรือไม่สมาทาน สามารถทำได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล สาธุ ขอให้พระพุทธธรรมจงแผ่ไพศาล เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่เหล่าสรรพสัตว์คือผู้เกี่ยวข้อง ตลอดกาลนานเทอญ
บางที คำตอบในทางพุทธศาสนานั้นมี แต่เราๆท่านๆรู้ข้อธรรมน้อย มันเป็นปัญหาที่คนปฎิบัติธรรมต้องแสวงหาเองนะ คือ วัดส่วนมากท่านก็จะสอนแต่ธรรมะเบื้องต้นเพื่อให้คนเข้าหาพระ หาเจ้า แต่การที่หลายๆคนทำธรรมะมาหลายขั้นหลายตอนเลื่อนชั้นมาแล้ว ก็ต้องไปแสวงหาพระสัทธรรมที่ลึกขึ้นไปมาอ่านมาศึกษา ไม่งั้นก็จะงง ตลอดกาล
ขอบพระคุณ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา