ดวงจีน ก็มีหน้าฝนนะ เพราะฉะนั้น จัดฮวงจุ้ย ต้องศึกษา อย่าโมเมเองห้ามไปแปลธาตุทองว่า แห้ง

ladybug-574971_640

พอฟังว่า ฤดูธาตุทอง ใบไม้ร่วง มันดูเหมือนกับว่าคนไทยเราไปคิดว่า เอ้อ ใบไม้ก็คงร่วงๆ แห้งๆ ดินแห้งๆ แบบภาคอีสานตะก่อนอะไรทำนองนี้หนะนะ

หารู้ไม่ว่า

在《黄帝内经·素问》有不少關於五行的論述。例如:

〈陰陽應象大論五〉:「天有四時五行,以生長收藏,以生寒暑燥濕風……」

หวงตี้เน่ยจิง ภาคสูเวิ่น ได้กล่าวเรื่อง ห้าธาตุ อู่สิง ไว้ใน 〈陰陽應象大論五〉กล่าวว่า ลมฟ้าอากาศมีทั้งหมด 4 ฤดู ห้าธาตุ (เทียน ในบริบทนี้ไม่ได้แปลว่า ท้องฟ้า แต่แปลว่า อะไรที่เหนือการควบคุมของคน) สี่ฤดูนั้นคือ เกิด โต เก็บ บรรจุ หรือ เกิด หนาว ร้อน แห้ง ชื้น ลม

「西方生燥,燥生金,金生辛,辛生肺,肺生皮毛,皮毛生腎……
其在天為燥,在地為金,在體為皮毛,在藏為肺,在色為白,在音為商,在聲為哭,在變動為欬,在竅為鼻,
在味為辛,在志為憂。憂傷肺,喜勝憂;熱傷皮毛,寒勝熱;辛傷皮毛,苦勝辛。

ด้านตะวันตก เป็นปัจจัยของ เจ้า(ความแห้ง) ความแห้งเป็นปัจจัยของธาตุทอง ธาตุทองเป็นปัจจัยของรสคาว-รสเผ็ดซ่า (รสอะไรเผ็ดซ่า ก็ลองนึกถึง ขิง ครับ) รสเผ็ดซ่า เป็นปัจจัยของปอด ปอดเป็นปัจจัยของ โลมา (ขน ตามภาษาบาลี)

เมื่อพูดถึงบริบทของฤดูกาล จะหมายถึง ความแห้ง
เมื่อพูดถึงบริบททางปฐพี จะหมายถึง โลหะธาตุ
เมื่อพูดถึงบริบทของกาย จะหมายถึง ขน บริบทในกายคือ ปอด บริบทเรื่องสี คือ สีขาว ในโทนดนตรีจีนคือเสียง ซาง ในเสียงร้องคือ เสียงร้องไห้ฮือๆ คนขี้ร้องไห้หนะหละ คือ คนใช้ธาตุทองเปลือง เพราะงั้นถ้าร้องไห้ไม่ออกนี่อันตรายนะ แปลว่า ชี่เริ่มแย่ ปอดเริ่มแย่ละ มันจะมีลมเฮือกสุดท้ายครับ ถ้าเครียด เศร้า ก็ตาม แล้วร้องไม่ออกๆ นานๆเข้านะ มันจะร้องออกแบบ โฮ รอบนึง เสร็จจะทรุดฮวบเลยทีนี้ กู่กลับยากละ อี้จิงบอกกระบวนการนี้ไว้ ในอากัปรกิริยาหมายถึง การไอ หรือสำลัก และในอายตนะภายใน คือ จมูก ในรสชาติ ก็ตามที่บอกไป ในอารมณ์หมายถึง กลุ้่มๆ เศร้าๆ อารมณ์เนี้ยะ มันทำร้ายปอด ตามที่บอกไปนะ ซึ่งตรงข้ามและพ่ายแพ้ อารมณ์ร่าเริงดีใจ ฯ พอละ อันหลังๆ แปลเอง

ทีนี้วันที่ผมเขียนบทความเนี้ยะ เป็นวัน

寒露
หานลู่ เป็นตัวแบ่งฤดูภาคแยกย่อยลงไปของจีน คือ แบ่งฤดูทั้งหมดเป็น สี่ และแต่ละฤดูก็แบ่งอีก 6 ฤดูย่อย 寒露ก็คือเกือบจะหมดละ เพราะมันสิ้นสุดที่ ฤดูย่อยที่ 18 อันนี้ นับเป็น 17 แล้ว ซึ่งนับไปอีก 15 วันก็จะกลายเป็น ห้วงฤดูย่อยที่ 18 ห้วงนี้ก็จะราวๆ วันที่ 8 ตค ยาวไปจนถึงวันที่ 20 กว่าๆ โลกทำมุมกับพระอาทิตย์ราวๆ 195 องศา

ตำรา《月令七十二候集解》กล่าวว่า
ฤดู ณ เดือน เก้า มาเยือนแล้ว มีหมอกน้ำค้างและไอความหนาวเย็น
寒露 ก็แปลว่า อุณหภูมิพื้นดิน หนาวกว่า อุณหภูมิของน้ำค้าง เดี๋ยวก็จะเริ่มกลายเป็นน้ำค้างแข็งกันในฤดูกาลต่อๆไปละนะ ทางตอนใต้ๆก็จะเริ่มเข้าฤดูใบไม้ร่วง ทางตะวันออกเฉียงเหนือหน่อยก็จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแบบจริงๆจังๆ ทางตะวันตกเฉียงใต้ก็จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแบบลึกล้ำ 55 หรือจะเข้าหนาวละหละว่างั้น

จากวันนี้ไปนะ อุณหภูมิอากาศจะลดลงเรื่อยๆ ทั้งหมด 3 ฤดูย่อย หรือ บางคนแปลว่า 3 สารท ได้แก่ 白露、寒露、霜降 ทั้งสามฤดูย่อยนี้เป็นสัญลักษณ์ของการมี ไอน้ำ มาปะปนในอากาศสูงขึ้น อากาศก็จะเย็นลงๆเรื่อยๆ

ตอนกลางคืนนะ ลองมองดูดาว จะพบว่า ดาวก็เปลี่ยนเหมือนกัน จีนว่าดาวเปลี่ยน แต่จริงๆหนะ โลกเรามันเปลี่ยน เนี้ยะ มันเอามาเป็นข้อคิดสอนได้ว่า คนเรามองแต่ตัวเองเป็นอันดับแรกไง เหมือนคุณไปซื้อแตงโม ละแม่ค้าขึ้นราคานะ คุณก็จะบอกว่า หึ้ย แพง แม่ค้างก ลืมไปว่า จริงๆ คุรหนะหละ ใจงก เพราะถ้าคุณไม่ซื้อ ก็ไม่ต้องเสียเงินสักกะบาท จริงไหม เหมือนกัน ผมขึ้นค่าดูก็อย่ามาบ่นว่าแพง จนมีคนไลน์มาถามว่า ดูแพงงี้มีคนดูเหรอนั่น เอ้า มี มีทุกวัน ไม่มี ใครจะกล้าขึ้นหละ ขึ้นก็อดตายสิ 555
ถ้าไม่แน่จริง ใครจะกล้าทำบ้าๆ จริงไหม เอ้าต่อ บ่นจบ ก็จะพบว่า ดาวเปลี่ยน ดูที่ดาวแมงป่องหรือพิจิก ณ ดาวฤกษ์ที่มีชื่อจีนว่า 心 กับ 宿
สองตำแหน่งนี้หละนะ จะปรากฎบนท้องฟ้าให้เห็น

สรุปว่า แต่ละที่ในจีน ต่อให้ฤดูเดียวกัน อุณหภูมิยังไม่เท่ากันเลย เพราะฉะนั้น การปรับทางร่างกายก็ดี ทานอาหารก็ดี ดวงก็ดี ฮวงจุ้ยก็ดี ต้องมีการปรับจูนแทบทั้งหมด เพียงแต่ต้องแยกแยะว่า อะไรทีเ่ปลี่ยนเยอะ เปลี่ยนหนักเราก็ปรับหนัก อะไรที่เปลี่ยนน้อย เบามาก เราก็ถัวๆเอาได้ ไม่ใช่ว่าต้องมาปรับให้หมด ผิดแม้องศาเดียวนี่มากไป ดูดวงให้เกิดสุขครับ ให้พัฒนา อย่าให้เกิดทุกข์ อีกประเด็นคือ มีไอน้ำ ทำไมบอกว่า แห้งหละ ฤดูธาตุทอง ที่ว่า แห้งๆ ทำไมไม่เห็นแห้งเลยมีแต่ฝนตก หรือว่าประเทศจีน แห้ง ใบไม้ร่วง แต่ของไทยมันหน้าฝน จริงๆเปล่าเลย

เนี้ยะสอนได้สองเรื่อง หนึ่งก็แบบที่ผมบอกไปเห็นมะ เปลี่ยนใหญ่จูนใหญ่ เปลี่ยนน้อยจูนน้อยสิ ต่อให้เวลากลางคืนกลางวันจะไม่เท่ากัน ในแต่ละภาคพื้นบนโลก แต่จะสังเกตุว่า พอเราเข้าฤดูฝน ที่อื่นก็ ฝน ไม่ก็ ใบไม้ร่วงนะ ไม่มีที่ไหนๆบนโลก เข้าฤดูร้อน ถูกไหมหละ เพราะมันคือ โลกเคลื่อน เคลื่อนที่หนะ ไม่เหมือนโลกหมุน โลกหมุนอาจต่างกันไม่มากเท่า แต่บางทีสภาพอากาศมันหฤโหดจากภูมิประเทศนะ เช่น ในหุบเขา เขาเลิกหนาวกันละ นี้ยังหนาวอยู่เลย หรือในทะเลทราย ก็ ร้อนกลางวันร้อนมาก กลางคืนหนาวมากๆ แต่อย่าไปเทียบกับพวกขั้วโลกนะ พวกนี้ หนาวได้ตลอด

ฤดูต่างกันคือ โลกเคลื่อน – รอบพระอาทิตย์
เวลาต่างกันคือ โลกหมุน – รอบตัวเอง ตรงนี้หละที่มันต่างกันแบบปลีกย่อย เช่นที่ยกตัวอย่างทะเลทรายไป ณ ฤดูฝนบ้านเรา ตอนค่ำ ทะเลทรายกลับหนาวกว่าบ้านเรา แต่ตอนกลางวัน กลับร้อนกว่า เห็นยังว่า อากาศมันขึ้นกับพื้นที่ นี้คือความหมายว่า ทำไม เทียนกาน กิ่งฟ้าในดวงจีน มันต้องอยู่บน ตี้จือ คือ ก้านดิน อย่าไปแปล หรือไม่สอนแบบ สั่วะๆว่า ก็ตำราบอกแบบเนี้ยะ อย่าถาม จำไป ไม่ได้ คนเป็นครูจะสอนคน ต้องคิดเป็น ต้องเข้าใจมากกว่าเขาแล้วมาสอนเขา คิดจะกางตำราสอนนี่ ขอร้อง ภาษาผมคือเรียก เอาเปรียบลูกศิษย์… หนะ บ่นอีกละ ไม่ใช่ไร เราเป็นห่วงคนที่เขาสนใจดวงจีน จะท้อถอยใจเอา

เพราะนั้น ไม่ใช่ว่า เพราะฤดูใบไม้ร่วง ที่จีนมันแห้ง ที่ไทยไม่แห้ง เลยเขียนแห้ง แต่ว่า แห้ง เนี้ยะ เขาเอามาจาก หวงตี้เน่ยจิง ตำราที่ว่าด้วยการแพทย์ เพราะฉะนั้น ธาตุทอง เขาไม่ได้หมายถึง แห้งแล้ง แต่มันหมายถึง อากาศที่ทำให้คนแห้ง พูดง่ายๆก็คือ เหมือนเอาเราเข้าไปในห้องแอร์ หนะหละ คือ มันเริ่มดูดความชุ่มชื้นในตัวเราไป ก็อะแน่นอน ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศมากขึ้น สูงขึ้น เพื่อทำให้อากาศนั้นหนะเย็นลง หรือจะกล่าวว่า เพราะความที่อากาศเย็นลง เลยทำให้ความชื้นสูงขึ้นก็ได้ เลยต้องตอบว่า ไอ้ที่ว่าแห้งหนะ คน สัตว์ พืช แห้ง แต่อากาศนั้น ชื้น เข้าใจ๋บ่ ถ้าแปลผิดซวยเลยนะ

มีคนเขียนเอาไว้ดีมาก

ถ้าแขวนเสื้อเปียกตัวหนึ่งไว้ในที่ไม่มีลมพัด เสื้อจะแห้งเร็วหรือไม่นั้น นอกจากจะขึ้นอยู่กับปริมาณไอน้ำในอากาศแล้ว ยังขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในเวลานั้นด้วย ถ้าอากาศมีอุณหภูมิสูง น้ำในเสื้อจะระเหยเร็ว จนกระทั่งความหนาแน่นของไอน้ำในอากาศมาถึงจุดหนึ่ง ซึ่งทำให้ปริมาณไอน้ำในอากาศที่ถูกเสื้อดูดกลับไปเท่ากับปริมาณน้ำในเสื้อที่ออกมาในอากาศ นั่นคือ ไอน้ำที่ออกและเข้ามาถึงภาวะสมดุลไดนามิก (dynamic equilibrium) ในเวลานั้นปริมาณในอากาศปริมาตรหนึ่งหน่วยเรียกว่า ความหนาแน่นอิ่มตัวของไอน้ำในอุณหภูมิขณะนั้น (saturated vapour density) ดังนั้น ถ้าหากแขวนเสื้อเปียกไว้ในบริเวณที่มีความหนาแน่นของไอน้ำถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เสื้อจะไม่แห้ง ถึงปริมาณไอน้ำจะเท่ากัน หากอุณหภูมิสูงขึ้นความชื้นของอากาศจะต่ำลง ในทางกลับกันหากอุณหภูมิต่ำลงความชื้นของอากาศจะสูงขึ้น

ตรงนี้จะเห็นได้ว่า ทำไม ฮวงจุ้ย ถึงต้องชื่อว่า ฮวงจุ้ย อะ วันนี้ปล่อยของละนะ แง้มมาให้ เพราะผมบอกแล้ว ให้ยึดตำรา ถ้าไม่ยึด เห็นมะ ท่านไม่ค้่นว่า เจ้า แปลว่า แห้ง มาจาก หวงตี้ ท่านจะแปลเพี้ยนหมด พอยึดตำรามากๆเข้า ท่านจะเริ่มทำความเข้าใจได้

ฮวงจุ้ย ที่แท้จริง คือ เน้น อุณหภูมิ มันคือ เน้น ความชื้นในอากาศ ที่ ลม มีผล นั้นหละ แปลแบบเนี้ยะ เห็นภาพชัด เช่น ในวันที่อากาศชื้นๆ ตัวเหนะหนะๆ หรือ อ้าวๆ หลายคน รมณ์บ่จอย จริงไหมหละ ถ้าเราได้ลมพัดซะหน่อยก็ โอเค้ อะไรงี้ ที่ห้าง ฯ ที่ร้านอาหาร บางที่เขาเลยควบคุมอุณหภูมิเอาไว้ บางคนไปเพ่งว่า เสียงเพลงสะกดคน ก็จริงอันนี้ยอมรับ เดี๋ยวเขียนบทความเรื่องเพลงต่อ แต่ส่วนหนึ่ง อุณหภูมิ นี่หละ ที่เรียกคนให้เข้าหาท่าน เข้าร้านท่าน หรือ หนีร้านท่าน ซึ่งต้องดู ความชื้น ดู ลม ประกอบ ซึ่งก็บอกละ มันมีพื้นฐานจากสภาพภูมิประเทศที่ต่างกัน เพราะฉะนั้น อย่าดูฮวงจุ้ยแบบยึดเอาแต่ ชัยภูมิ สิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ ความสูงต่ำ แต่จงดูแบบ แหงนหน้ามองฟ้าบ้าง เหมือนพี่คนนึง ที่เป็นหมอดูเก่งมาก เคยสอนผมว่า รู้มั้ย ซินแสบางคนดูฮวงจุ้ย เขาไม่มองที่บ้านแกนะ นู่น เขามองเมฆบนบ้านแกนู่น เอานะ วันนี้ คาย ความรู้ออกมา เหมือน ต้นไม้ ใบหญ้า ที่คายความรู้ ในห้วงที่เตรียมเข้าหน้าฝน ปลายๆ ทองซิงละหละ ร่างกายคนมันจะออกแนว แห้งๆหน่อย รู้ได้ไง อะไรบอก เอ้า ก็ จอ หนะหละไง บอก

เรียนกันมา รู้แต่ว่าจอคือ คลังๆ หละสิ ไม่รู้ว่า คลังนั้นหมายถึงอะไร ก็คลังนั้นหมายถึงตัวเก็บอุณหภูมิในร่างคนเฟ้ย จอ มี ดินหยาง มีทองซ่อน มีไฟซ่อน ก็แปลว่า ตัวเธอลึกๆ ในฤดูใบไม้ร่วงเนี่ย มันเริ่ม แห้งๆ ละนะ เหมือนเราเอาหม้อที่เพิ่งล้างเสร็จใหม่ๆ เทน้ำทิ้งหมดละนะ เราก็นึกว่าไม่มีน้ำ เราเอาไปตั้งบนเตาไฟ เป็นไง อ้าว ไอน้ำระเหยได้อยู่ จอ เลยบอกเราว่า มันเป็นฤดูแห่งการ รีดน้ำเราออก คือ ความชื้นในตัวลึกๆ ที่มีไฟระอุๆ เผา มันกำลังถูก รีด ความชื้นออก ทีนี้ได้ แห้ง กันของจริงละครับพี่น้อง อากาศไม่ได้แห้่ง ตัวเราหนะหละมันแห้ง เลยไปมองว่าอากาศแห้ง ควรดื่มน้ำเยอะๆครับ นอนแต่หัวค่ำ ไม่งัันท่านจะมีอาการ ร้อนจิตร้อนใจ ร้อนรนลึกๆ และช่วงนี้มักหัวเลี้ยวหัวต่อนะ จะต้องตัดสินใจอะไรใหญ่หลวง ด้วยความที่ใจเรามันสั่นๆ เราจะตัดสินแบบ ฉั่วะ ไปเลย ธาตุทองสำหรับผม มันคือ ฟันธงจริง แต่ฟังธงแบบ สติไปไหน หืออ สติไปไหน ช้าลงนิดไหม อาจจะได้ดีขึ้นกว่าเดิม อย่าไปแปลจอว่า คลังทอง ครับ ขอร้องนะ มันไม่ใช่ท้องพระคลังเก็บเงินทองอะไรเลยแบบที่เข้าใจ

ดิน ถูกทองถ่ายพลัง และยังมีไฟมาเผา พวกคนปีจอ พ่อแม่เลยเก่งมาก ทำงานเป็นทุกอย่าง อยู่นิ่งไม่เป็น ล่าสุดมีคนมาถามว่า ทำไงให้รวยๆ อยากให้พ่อแม่สบาย ผมไม่ถามวันเดือนปีเกิด ถามแค่ เกิดปีอะไร วอกใช่ไหม เขาก็บอกไม่ใช่ จอ ผมก็เลยว่า เนี้ยะ รวยไปแล้วไง พ่อแม่ไม่หยุดทำงานอยู่ดี และเขาก็บอกว่า พี่ชาย เกิดปี วอก 555 ถามว่า พี่ชายปีวอก น้องสาวปีจอ ต่างกันโดยธาตุสิ้นเชิง แล้วอะไรทำให้เขามีพ่อแม่แบบเดียวกันได้ ก็ต้องตอบว่า…. ไม่บอก ปล่อยให้ งง

จริงๆ สบายใจได้นะ อันไหนที่ผมกั๊ก ผมก็บอก กั๊ก แต่อันไหน ผมบอกหมด ผมก็บอกหมดครับ

ช่วยไม่ได้เนาะ คนไทยนะ เวลาเขียนบทความอะไร หรือเอาคำพูดอะไรใครไปใช้ ชอบอ้างว่า ตัวพูด ผมก็ต้องกั๊กไว้บ้างนะ

ซินแสหลัว รักนะ จุ๊บๆ
ขอบคุณภาพสวยๆจากเฟสครับ