ก็รักกันดี ทำไมมีมือที่สาม

ชาวประมง กระสา หอย

หอยนกทะเลาะกัน ชายประมงเฒ่าพลันได้กำไร

หวังว่าคงจะเคยได้ยินนิทานพื้นบ้านไทยสมัยเด็กๆเรื่อง ตาอินกับตานานะครับ ที่ทั้งสองไปช่วยกันหาปลาแล้วแย่งกันว่าใครจะได้ส่วนหัวกับส่วนหาง สุดท้ายตาอยู่เดินมาบอกเดียวแบ่งให้เอง ก็จัดการเอาส่วนพุงปลาที่มีเนื้อเยอะสุดไป หัวหางทิ้งให้ตาอินกับตานา  ของจีนก็มีครับ  鹬蚌相争,渔翁得利 (ยวี่ป้างเซียงเจิง ยวี๋เวิงเต๋อลี่ – หอยนกทะเลาะกัน ชายประมงเฒ่าพลันได้กำไร) ในบันทึกสมัยจ้านกั๋ว 《战国策·燕策二》ก็ราวๆหลายพันปีมาแล้วของจีน มีเรื่องเล่าว่า หอยกาบ หรือหอยที่มีสอบฝาประกบกันนี่หละนะครับ เค้าออกมาผึ่งแดดนอนอ้าปากริมชายหาด  นกกระสาตัวหนึ่งก็เดินเล่นๆมาเห็นก็จ้องหมายจะขอจิกกินเนื้อหอย เพราะอ้าปากดีนักนี่ ก็เลยเดินดุ่ยๆมาที่หอย พอเอาจงอยปากจิ้มลงหมายจะจิกที่เนื้อหอยเท่านั้น ยังไม่ทันได้เนื้อ หอยก็งับฝากพรึ้บ แบบอัตโนมัต งับเอาจงอยปากของนกกระสานั้นเอาไว้ อ้าไม่ออกหละทีนี้ จะถอนปากออกก็ถอนไม่ได้เพราะหอยงับเอาไว้แน่น  แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้าเขาอ้าปากไม่ได้ เขาสนทนากันอย่างไรนะครับ เพียงแต่นิทานก็บอกว่า เขาสนทนากันโดยนกกระสาบอกหอยว่า วันนี้ฝนก็ไม่ตก พรุ่งนี้ฝนก็ไม่ตก รับรองได้มีหอยแห้งตายแน่ๆ ฝ่ายหอยพูดสวนเลยว่า เอ้อหวะ วันนี้ฝนไม่ตก พรุ่งนี้ฝนไม่ตกก็คงจะมีนกกระสาเหี่ยวตายเช่นกัน เพราะตัวนึงปากโดนงับก็กินน้ำไม่ได้ อีกตัวก็งับเขาไว้ กลัวว่าถ้าเปิดฝาหอยอ้าออก นกก็จะถือโอกาสจิกเนื้อตัวเองได้ ใครก็ไม่ยอมใครหละทีนี้  เวลาก็ล่วงผ่านไปสักพักก็มีชาวประมงเป็นชายแก่ๆเดินเข้ามาพบเข้า ก็เลยถือโอกาสคว้าทั้งนกกระสาทั้งหอย กลับบ้านทีเดียวอิ่มหละมื้อนี้ ไม่ต้องเสียแรงออกไปงมหอย และไม่ต้องเสียแรงไปหาธนูหาตาข่ายมาจับนก ได้ทั้งนก ได้ทั้งหอย อิ่มกันเลยทีเดียว

นิทานเรื่องนี้ ยกเอามาสอนโหราศาสตร์จีน เรื่องการ ฮะ การ ฮะ หรือ ภาษาจีนกลางเรียก เหอ 合 แปลว่า เค้าคู่ จับเข้าคู่ เขียนเป็นภาพอักษรจีน ด้านบนเป็นคน 人 ตรงกลางมีขีดหนึ่งขีด 一 ข้างล่างเป็นปาก 口 จำง่ายๆคือ คนที่มีปากเดียวกัน ก็ตรงพอดีกับนิทานเรื่องนี้ สัตว์ทั้งสองใช้ปากตัวเองในการเป็นทั้งเครื่องมือต่อรองให้มีอำนาจเหนืออีกฝ่ายและก็เป็นเครื่องมือในการที่จะเป็นอิสระต่ออีกฝ่าย คือทั้งอยากแยก ทั้งอยากคุม เหมือนในยินก็มีหยางในหยางก็มียินหนะครับ  เรื่อง ฮะ ก็เป็นแบบนี้ สำนักใดๆเวลาสอนเรื่อง ฮะ ก็ชอบเอาไปพูดเป็นคู่ตรงข้ามกับชง ว่า ชง 冲 นั้นหมายถึงการเข้าประทะ เข้าตี เพราะฉะนั้นย่อมเกิดความแตกหักเสียหาย  ส่วนฮะนั้นหมายถึงการเข้ารวมประสาน ย่อมได้ผลดี  จริงๆจะบอกว่าตามหลักอี้จิง คัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลง (อนิจจัง) แล้วนั้น แตกมากกลายเป็นประสาน ประสานมากกลับกลายเป็นแตกครับ เหมือนเรื่องสามก๊กถ้าใครเคยดูหนัง ตอนแรกผู้พากษ์จะพากษ์เลยว่า ในกาลแผ่นดินแต่สมัยใดก็แล้วแต่ เมื่อแตกแยกมานานก็จะรวมสมาน เมื่อรวมสมานมานานก็จะแตกแยก  เป็นแบบนี้มาแต่บรรพ์  เรื่อง ฮะ ก็เช่นกัน สามารถก่อทั้งผลดี และผลเสียได้  ผลดีก็คือ ทำงานร่วมกันได้ประสานกันดี ผลเสียก็เหมือนนิทานเรื่องนี้ครับ กอดคอกันตาย เมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามาหาประโยชน์ ดวงที่ฮะกันประสานกันมากเกินไป เลยต้องหาทางทำให้เกิด ชง เพื่อแยกกันออกบ้าง เหมือนกันครับ ในความสัมพันธ์ที่เรามีต่อ เพื่อน แฟน พ่อแม่ พี่น้อง ลูกน้องคนรับใช้ หรืออาจารย์ที่ให้ความเคารพ เราต้องมีเส้นห่างระหว่างกั้นในชีวิตตนเอง ยิ่งเป็นหมอดูที่เราเชื่อเขา ยิ่งต้องอยู่ห่างๆไว้เลย อันนี้พูดเรื่องจริงจากประสบการณ์จริงๆนะ เจอมาหลายสิบรายแล้ว พอผมทายแม่นเข้าๆ เกิดอาการอยากยึดถือเป็นที่พึ่งตลอดกาล บางคนมาขอให้ทำนายเป็นรายเดือนๆให้เขียนใส่กระดาษ บางคนมาขอว่าทุกๆปีต้องมาดูดวง ต้องได้ดู เขาพวกนั้นไม่รู้หรอกว่า ดวงหมอดูนั้น นอกจากจะดูดวงแม่นแล้ว ยังเป็นดวงดึงดูดคนมีเคราะห์ คนดวงไม่ดีหนะหละพูดง่ายๆ เพราะคนดวงดีที่ไหนจะดูดวง และก็ไม่มีคนดวงดีพร้อมบนโลกใบนี้หรอกครับ พร้อมๆกับที่ไม่มีดวงคนไม่ป่วยบนโลกใบนี้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่ไปยึดติดในตัวหมอดู ก็เท่ากับว่าก้าวขาเข้าไปสู่วังวนแห่งความมีปัญหาชีวิตเข้าเสียแล้ว  จะไม่มีปัญหาได้ไง ก็เล่นถอนใจจากความเป็นคนเชื่อมั่นเชื่อในการกระทำของตนเอง มาพะว้าพะวังกับปัจจุบัน และไปกังวลกับอนาคต จะกระดิกตัวไปทำอะไรแต่ละอย่างแสนยากเย็น  เมื่อคุณเอาจิตคุณไปมัดไว้กับความแม่นของหมอดูแบบไม่ปล่อยวาง สั้นๆง่ายๆ คนที่ได้ประโยชน์คือ หมอดู เพราะแน่นอนว่าเขาได้เงินแน่ๆหละ ทุกครั้งที่เข้ามาถาม และก็จะมีเรื่องราวต่อไปให้เราได้ทำตาม ให้ได้เสียเงินอีกรอบหน้า เพราะฉะนั้น หมอดูที่ห่วงใยต่อคนมาดูดวงแท้จริง ต้องสอนให้เขาเดินไปด้วยขาเขา คือบอกปัจจัยในการเจริญได้ทั้งชีวิตไม่ต้องมานั่งพึ่งเป็นคราวๆไป คนดูดวงก็ควรจะมีสติฉลาดรู้เท่าทันว่า ตั้งแต่ออกจากท้องพ่อท้องแม่จนอายุป่านนี้ไม่ได้เจอหมอดูคนนี้ก็ไม่เห็นจะตาย  เชื่อเอาไว้พอเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตแต่ไม่ใช่ยึดถือเอาคำพูดนั้นๆมากำหนดชีวิตเสียทั้งหมด ผ่อนสั้นผ่อนยาวเสียบ้าง เรื่องนี้พอๆกับเรื่องการมีแฟนครับ อย่าไปทำตัวหาช่องทางมีอำนาจเหนือเขา แล้วก็อย่าไปทำตัวว่าขาดเขาไม่ได้  เอ้อ ฟังละ งง มั้ย คนที่ไม่เคยมีแฟนเลยอาจงง แต่คนที่มีแฟนทุกคนผมเชื่อว่า สว่างตา ร้องอ้อ เลยทีเดียว ทำตัวมีอำนาจก็เช่น กุมเอาเงินทองในบ้านไว้หมด กุมเอาอาชีพที่ทำร่วมกันเป็นชื่อตัวเองหมด  ทำตัวขาดเขาไม่ได้ก็เช่น จะกินจะจ่ายใช้สอยอะไรต้องให้เขาเป็นคนทำให้ จะคิดอ่านริเริ่มอะไรต้องไปขอให้เขามาช่วย และก็ทำตัวติดกันจนไม่มีช่องว่างแห่งเวลาที่จะมานั่งคิดทบทวนข้อดีที่ควรเอาไปชมอีกฝ่าย และข้อเสียที่ควรบอกอีกฝ่ายให้ปรับปรุง กลับเอาเวลาทั้งหมดมาทำตัวผูกติดกันไว้ อย่างหลงระเริงด้วยสุขและทุกข์ที่คละเคล้า  เมื่อยามหวานชื่นมัดติดใจกันให้ท่านรู้ตัวและถอยห่างออกมาสักก้าว เมื่อยามปวดร้าวรานในหัวใจกันก็ควรถอยออกห่าง เงียบบ้าง สักก้าวเช่นกัน ไม่มีประโยชน์ที่จะเดินเข้าไปเพื่อให้รักนั้นแน่นแฟ้นขึ้น และไม่มีประโยชน์ที่จะไปจ้ำจี้จ้ำไชอีกฝ่ายในความรักที่ร้าวในอารมณ์ลึกๆ ตอนที่รักร้าวๆและหมางใจกันแล้วมีมือที่สามเข้ามาแทรกหนะ คนไม่แปลกใจหรอก เพราะต่างฝ่ายต่างต้องหาที่สุขกายเย็นใจเข้าซบ แต่ตอนที่รักกันหวานๆจู่ๆมีมือที่สามหนะ เป็นไปได้ไง ถ้าคนไม่รู้จักธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงก็จะ งง ว่า ก็รักกันดีสุดๆ แล้วทำไมมีคนมาแทรกกลางได้ จริงๆมันเป็นเรื่องที่ผมกำลังพูดนี่หละครับ ฮะ กันมากไป จนเป็นต้นตอของประโยคสุดคลาสสิค  เราเลิกกันเถอะนะ เธอดีเกินไป

เจ้าเกิดมาเจ้าเอาอะไรมาด้วยเจ้า…เจ้าจะเอาแต่สุข สนุกไฉน”.
เจ้าเกิดมาตัวเปล่าแล้วเจ้าจะเอาอะไร เจ้าก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา