ข้อคิดคติจีน

ตราประทับ สัญลักษณ์แห่งอำนาจครอบครอง

ตราประทับจีน

สูงสุดคืนสู่สามัญ ว่าไหมหละ

ตอนทำเป็นสีดำ ไม่ค่อยมีคนมองออกหรอก แต่พอผมทำเป็นสีแดงแบบนี้ อ้าว มันไปตรงกับตราประทับจีนเลย ละตราประทับจีนส่วนใหญ่แปลกไหม เป็นลายเส้นอักษรแบบขีดตรงขีดขวางเท่านั้น ไม่มีเฉียง ไม่มีโกว มีเตี่ยน มีจุด แบบที่เราเขียนกันทั่วไป เพราะเป็นการเขียนเลียนแบบของโบราณราวหลายพันปีที่เรียกว่า จ้วนซู หรือ จินเหวิน หรือ เจี่ยกู่เหวินก็แล้วแต่ เก่าแก่ราวๆ ฮีโรกริฟฟิคของอียิปต์ ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดนะครับว่าการสร้างสรรค์อักษรในยุคแรกๆของมนุษย์ล้วนแล้วแต่เป็นลักษณะคำโดด คือ หนึ่งตัวแทนความหมายหนึ่งภาพ แล้วเอามาร้อยเรียงกันเป็นคำ วลี ประโยคขั้นมา อีกนัยยะหนึ่งก็คือตัวมีดแกะสลักตราประทับ ที่เป็นเหล็กหัวตัดขวาง แบบแนวตรงๆทื่อๆ เลยง่ายต่อการแกะสลักอักษรทางแนวขวาง แนวตั้ง มากกว่าเป็นเส้นคดเส้นโค้ง
ตราประทับจีน
แต่ก็ใช่ว่าวตราประทับจีนจะไม่มีแบบคดๆโค้งๆ ก็แล้วแต่ศิลปินจะจินตนาการ แต่อยากจะชี้ให้เห็นว่า เพราะความง่าย ความสามัญ นี่หละถึงบังเกิดสรรพสิ่งได้ไม่รู้จบ จะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีทั้งหมดแต่ก่อนมีฟังก์ชั้น มีแป้น ปุ่มกดมากมาย สมัยนี้หดน้อยลงเหลือปุ่มกดนิดหน่อย แต่เปิดได้ใช้งานได้ไม่รู้จบ เหมือนมีดแกะสลักตราประทับจีน และเหมือนตราประทับจีนที่มีรูปแบบมายาวนานหลายพันปี สุดท้าย คิวอาร์โค้ท ก็มีรูปแบบเรียบๆเช่นนี้ เฉกเช่นเดียวกัน จะเห็นได้ว่าจีนให้ความสำคัญกับตราประทับยิ่งเท่ากับตัวเจ้าของเอง ไม่ว่าจะเป็นตราประทับฮ่องเต้ ตราประทับของแม่ทับ ของขุนนาง การมอบตำแหน่งต่างๆของทางฝรั่งจะมอบด้วยดาบบ้าง เสื้อบ้าง แต่ของทางจีน มอบด้วยตราประทับ ล้วนๆ เป็นการให้อำนาจในเรื่องนั้นๆ ก็เป็นสิ่งที่น่าคิดว่าลายมือชื่อหรือลายเซ็นต์นั้น ติดตัวเราอยู่ประจำตัวเราก็จริงและเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกตอนนี้ให้ความเชื่อถือว่าเป็นตัวแทนในการแสดงเจตนาในการทำนิติกรรมต่างๆเป็นหลักฐานเอาไว้ แต่ว่าต้องมานั่งพิสูจน์เท็จปลอม เพราะคนที่เป็นเจ้าของยังเซ็นแต่ละรอบไม่เหมือนกันเลย แต่ถ้าเราใช้ตราประทับ ถ้าท่านใช้ตรายาง ท่านอาจไม่เห็นความแตกต่าง เพราะตรายางแต่ละอันก็มีความไม่เหมือนกันสูงมาก ต่อให้จะใช้วิทยาการสมัยใหม่ทำ แต่ถ้าใช้นานไปๆ จะสึกไว และตัวลายเส้นจะหนาไป แตกไป เปลี่ยนไป แต่ถ้าเป็นตราประทับแบบโบราณอย่างจีนที่เป็นตราหิน ตรางาช้าง ของพวกนี้อยู่ทนนานมาก ลายเส้นจะยังคงเดิม และเพื่อทำเอกลักษณ์ยากแก่การปลอม บางทีเจ้าของ หรือช่างฝีมือแกะสลักจะทำตำหนิเฉพาะเอาไว้ในตราประทับ และด้วยความคงทนของหินหรืองาที่เอามาใช้ทำ ทำให้ตำหนินั้นไม่สึกหรือแปลไป ตราประทับเลยต้องถูกเก็บในหีบห่ออย่างดีเช่นกัน ถ้าแบบนี้แล้วเรายึดถือตราประทับแทนลายเซ้นต์การพิสูจน์ก็ง่ายมากๆ แค่เอามาเทียบให้มันลงล้อคทุกกระเบียดนิ้วคล้ายๆที่ คิวอาร์โค้ททำหน้าที่นี้ เพราะแค่ช่องเปลี่ยนไปช่องเล็กๆช่องหนึ่งความหมายก็เปลี่ยนแล้ว ข้อเสียคือ หากว่าตราประทับประจำตัวคุณถูกขโมบไปใช้ อันนี้หละยุ่งทันที
ตราประทับจีน
รู้หรือไม่ว่า จีนสมัยนี้ ก็ยังยึดเอาตราประทับเป็นสำคัญ เอกสารค้าขายทางจีน ประทับตรากันให้วุ่น มากมายหลายที่มากกว่าลายเซ็นต์ ภาพวาดจีนก็เช่นกัน ถ้าใครเคยเห็นภาพเก่าๆในพิพิธภัณฑ์จะเห็นความวุ่นวายของการประทับตรา ก็หลายภาพเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของครับ พอเปลี่ยนมือหนึ่งเจ้า ก็ประทับตราตัวเองลงไปว่า นี่ของฉันนะ บางภาพนี่มีการกระแนะกระแหนด่าว่า คนบางคนที่เป็นเจ้าของผู้เสพงานศิลป์ช่างไม่มีรสนิยมเสียเลย เพราะประทับตรายึดถือว่าข้าเคยครอบครองแบบไม่ดูช่องไฟ หรือตำแหน่งแห่งที่ในภาพ ทำให้ภาพเสียสมดุลย์เสียความงามไปได้ก็มี เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เพราะไม่ยึดถือเป็นของตัวของตน ความงาม จึงคงอยู่ หากว่า ยึดสิ่งใดเป็นของตัวของตนและพยายามทำรอย ทำตำหนิเป็นเจ้าเข้าเจ้าของแล้วไซร้ ความงามตามธรรมชาติอย่างเดิมย่อมหายไป สตรี หรือ บุรุษ ผู้รู้คุณค่าความงามธรรมชาตินี้่ ย่อมไม่ทำให้คนรักของตน คู่ตน มีรอยสึกหรอ หรือเสื่อมคุณค่าตนเองไป จากคำๆเดียวคือ ยึดถือเป็นเจ้าของเพื่อให้ตนได้เชยชมฝ่ายเดียว ราตรีสวัสดิ์

เผื่อใครแสกนไม่ได้ พิมพ์แอดไลน์มาได้ที่ sinsaeluo-neverdie เผื่อว่าเฟสบุ๊คเกิดมีกติกาบ้าบออะไรอีก ผมคงเลิกเล่น เราจะได้มีพื้นที่คุยกันต่อ